ในหลวง พระราชินี เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เสด็จฯ พิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณทหาร-ตร.

ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ไปในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร – ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 18 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ไปในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร – ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน ประดับยศจอมทัพไทย ขณะที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงฉลองพระองค์ชุดพระราชฐาน

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยืนบนรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน ทรงตรวจพลสวนสนาม จากกองทหาร 3 เหล่าทัพ ประกอบด้วย ทัพบก เรือ อากาศ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีพลตรีจักรชัย ศรีคชา นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ และ พลตรีณัฐวุฒิ จาตุศรีพิทักษ์ นายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ฯ เป็นผู้เชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ นำเสด็จ และมีรถผู้บังคับกองผสมและรถนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย รถคันที่ 1 พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร และรองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ รถคันที่ 2 พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ รถคันที่ 3 พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกสิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการหทารเรือ รถคันที่ 4 พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอกสุทธิพันธุ์ ต่ายทอง เสนาธิการทหารอากาศ รถคันที่ 5 พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรถคันที่ 6 พลโทธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บังคับกองผสม ตามเสด็จ ขณะนั้นวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล เมื่อทรงตรวจพลสวนสนามเสร็จสิ้น เสด็จขึ้นพลับพลาที่ประทับ ประทับพระราชอาสน์ ณ พระที่่นั่งชุมสาย

พลโทกิตติ เกตุศรี เจ้ากรมสารบรรณทหาร เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พันเอกหญิงธวัลยา ศรีเพ็ชร์พันธุ์ นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พันเอกหญิงหทัยภัทร ปัทมาคม ประจำสำนักงานรองเสนาธิการทหาร เข้าเฝ้า ทูลถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

จากนั้น พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพบนพลับพลาที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ พลอากาศเอกอำนาจ จีรมณีมัย ราชองครักษ์ รับดอกไม้ธูปเทียนแพจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปวางยังที่จัดไว้ข้างที่ประทับ พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลถวายรายงานความเป็นมาของการจัดพิธีสวนสนาม และถวายสัตย์ปฏิญาณฯ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ความว่า

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และทหาร – ตำรวจทุกนาย ล้วนมีความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณของทหาร-ตำรวจ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย เป็นการบำรุงขวัญ และยังความปลื้มปีติแก่เหล่าทหาร-ตำรวจทั่วราชอาณาจักรเป็นล้นพ้น

วันกองทัพไทย 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระทำยุทธหัตถีมีชัยเหนือข้าศึก รักษาราชอาณาจักรให้ธำรงความเป็นชาติจนถึงปัจจุบัน และเนื่องในโอกาสมหามงคล ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงรับบรมราชาภิเษก และทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย กองทัพไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงน้อมใจจัดการสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณเฉพาะพระพักตร์อย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ เพื่อเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี พร้อมทั้งแสดงถึงแสนยานุภาพ ความเป็นปึกแผ่นของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ และตำรวจ ภายใต้เบื้องพระยุคลบาทและพระบารมีของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท

นับแต่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบพระบรมราชสันตติวงศ์ ได้ทรงอุทิศเวลา กำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ ด้วยพระปรีชาสามารถและสายพระเนตรอันกว้างไกล ทรงบ่มเพาะให้พสกนิกรมีจิตอาสา จิตแห่งความดีงาม เสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน ส่งผลให้คนในชาติสมัครสมานสามัคคี บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ยังความผาสุกร่มเย็นและมั่นคง ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ

ปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม และขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จักปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณ เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปกป้องราชอาณาจักรไทย และขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญอานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โปรดอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญด้วยพิพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายใดๆ ให้พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาลเทอญ พระพุทธเจ้าข้าขอรับ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

เมื่อกล่าวจบ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก หทารเรือ ทหารอากาศ ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ เหล่าทัพละ 21 นัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยืนรับการถวายความเคารพ

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า “ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความชื่นชมยิ่งนัก ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางเหล่าทหารและตำรวจ ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งนี้ ขอขอบใจในคำอำนวยพรและไมตรีจิตของทุกๆ คน และขอสนองพรกับทั้งน้ำใจไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ประเทศชาติจะเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ ก็ด้วยคนไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมเพรียงกันปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมีอุดมคติและจุดมุ่งหมายอย่างเดียวกัน คือ ประโยชน์สุขของทุกคนในชาติ ข้าพเจ้าจึงยินดีมากที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของทหารและตำรวจในวันนี้ ทั้งได้ฟังคำปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีและเจตนาอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ขอให้นายทหาร นายตำรวจทุกคน รักษาคำปฏิญาณที่ได้ให้ไว้อย่างเคร่งครัด และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรง เข้มแข็ง และเสียสละ พร้อมทั้งหมั่นศึกษาและฝึกฝนตนเองให้มีความจัดเจนคล่องแคล่วในหน้าที่ และในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ฝ่ายอื่นอยู่เสมอ ทุกคน ทุกฝ่าย จะได้สามารถร่วมมือร่วมใจกันสร้างสรรค์ความวัฒนาผาสุกให้แก่ประชาชนและประเทศชาติได้ตามอุดมคติที่ตั้งมั่นไว้ตลอดไป ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจต่อบ้านเมือง จงบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุข ความเจริญ และความสามัคคี สวัสดีมีชัยโดยทั่วกัน”

จากนั้น ประทับพระราชอาสน์ ทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ ประกอบด้วย หมู่บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ จำนวน 3 เครื่อง, เฮลิคอปเตอร์บินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย ฮ.บินหมู่ 6 เครื่อง และฮ.บินหมู่ 9 เครื่อง รวม 15 เครื่อง และเครื่องบินรบบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย เครื่องบินรบ หมู่บิน 9 และเครื่อบินรบ หมู่บิน 10 รวม 19 เครื่อง

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงยืนรับการถวายความเคารพจากกองพันสวนสนาม ประกอบด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม จำนวน 7 กรม 28 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า เมื่อผู้บังคับกองพันสลุตกระบี่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพ จนถึงเชิญธงชัยเฉลิมพลผ่านหน้าพระที่นั่งชุมสาย, กรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1 กรม 4 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง Tiger Rag เมื่อผู้บังคับกองพันวันทยหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพ จนถึงเชิญธงชัยเฉลิมพลผ่านหน้าพระที่นั่งชุมสาย, กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง King Cotton เมื่อผู้บังคับกองพันทหารสลุตกระบี่บนหลังม้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพ จนถึงเชิญธงชัยเฉลิมพลผ่านหน้าพระที่นั่งชุมสาย และกรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม 6 กองพัน เมื่อผู้บังคับกองพันวันทยหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพ จนถึงเชิญธงชัยเฉลิมพลผ่านหน้าพระที่นั่งชุมสาย

เมื่อกองพันสวนสนาม สวนสนามผ่านหน้าพระที่นั่งชุมสายเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาในการสวนสนามประมาณ 50 นาที วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสดุดีจอมราชา กำลังพลสวนสนามทหาร-ตำรวจ และผู้ร่วมในพิธีฯ ร่วมกันร้องเพลงถวาย จุดพลุเฉลิมพระเกียรติ 500 นัด

จากนั้นเสด็จฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จออกจากลานสวนสนาม ศูนย์การทหารม้า พลโทธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับกองผสม กล่าวนำถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง เสด็จกลับ

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์