FWD ประกันชีวิต จับมือมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย มุ่งปลูกฝังความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจทางการเงินขั้นพื้นฐานผ่านโครงการ JA SparktheDream ตั้งเป้าปีนี้ส่งต่อความรู้ให้ได้ 2,000 คน หวังช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม
วันที่ 9 กันยายน 2567 นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทยและกัมพูชา บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ dkigiupoFWD ประกันชีวิต กล่าวว่า สำหรับโครงการ JA SparktheDream เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทเอฟดับบลิวดีผ่านการเสริมสร้างความรู้ทางการเงินเพื่อปูรากฐากอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนควบคู่ไปกับการเรียนรู้ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ
ในปี 2566 โครงการ JA SparktheDream สามารถส่งต่อความรู้ให้แก่เยาวชนมากกว่า 1,100 คน และยังมีเยาวชนไทยในโครงการ จากโรงเรียนวัดอุทัยธาราม สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จากการแข่งขัน JA SparktheDream Social Challenge 2023 ระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอีกด้วย
ในปีนี้ ความพิเศษที่เพิ่มเติมมาของโครงการ JA SparktheDream คือการจัดกิจกรรม Train the Trainers เตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่ให้เหล่าอาสาสมัคร FWD ประกันชีวิต และบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร เพื่อฝึกอบรมแนวทางการสอนและพัฒนาทักษะการถ่ายทอดความรู้ในหลักสูตร โดยจัดทำเป็นชุดวิดีโอ ให้อาสาสมัครสามารถรับชมได้ผ่านช่องทางออนไลน์ในวันและเวลาที่สะดวก อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ ช่วยทบทวนบทเรียนความรู้ทางการเงินให้แก่นักเรียนที่ได้เข้าร่วมโครงการ ไปแล้วด้วยเช่นกัน
ด้านนายธาดา เศวตศิลา ประธานมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ประเทศไทย หรือ JA Thailand กล่าวว่า จากความสำเร็จในปีแรก ทำให้บริษัทไม่หยุดนิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้เติบโตมีความรู้ ความสามารถ และมีทักษะความรู้ทางการเงินที่ดี ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ถือเป็นกำลังสำคัญของชาติที่จะนำการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมในหลากหลายมิติ
นอกจากนั้น จะต้องมีวิทยากรที่มีความพร้อม ความเข้าใจ มีทักษะความรู้ รวมถึงสื่อที่ใช้ในการสอน ที่พร้อมจะถ่ายทอดและส่งต่อด้วยวิธีการสื่อสารที่น่าสนใจและเหมาะสม เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้ เข้าใจ และสามารถนำไปปรับใช้จริงในชีวิตประจำวัน
สำหรับโปรแกรมการเรียนการสอนในโครงการ JA SparktheDream ประเทศไทย เป็นการเรียนรู้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ทางการเงิน ซึ่งประกอบด้วย 4 บทเรียนหลัก ได้แก่ การออมเงิน การหารายได้ การใช้จ่าย และการแบ่งปัน (Save, Earn, Spend, Share) ครอบคลุมความรู้ทางการเงิน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ความตระหนักทางการเงิน 2) สมรรถนะทางการเงิน และ 3) ความรู้ด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย สามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
โดยเรียนรู้ผ่าน เกมจำลองสถานการณ์ แบบทดสอบ และกิจกรรม ซึ่งสอดแทรกไปในกับบทการเรียน โดยหลักสูตรการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้เรียนรู้และเข้าใจบทบาทของเงินในชีวิตประจำวัน เข้าใจความแตกต่างระหว่างความจำเป็นกับความต้องการ สามารถอธิบายประโยชน์ของการมีบัญชีออมทรัพย์ รวมถึงพื้นฐานการจัดการเงินส่วนบุคคล และการตัดสินใจเลือกทางการเงินที่ดี
ที่สำคัญยังสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีทางมูลนิธิ เป็นผู้ทำแผนการสอนและประสานงานกับทางโรงเรียนและผู้สอน ซึ่งในปีนี้มีโรงเรียนเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โรงเรียนวัดราชสิงขร โรงเรียนรุ่งเรืองอุปถัมภ์ โรงเรียนวัดเทพลีลา (สิงประสิทธิวิทยา) โรงเรียนวัดดิสหงสาราม โรงเรียนวัดทรงธรรม และโรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม