UOB-DHL จับมือส่งพัสดุข้ามประเทศแบบโลว์คาร์บอน

ยูโอบี ประเทศไทย ประกาศเข้าร่วมโครงการ GoGreen Plus ของดีเอชแอล มุ่งลดคาร์บอน สโคป 3 พร้อมใช้เชื้อเพลิงการบินยั่งยืนสำหรับการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศ คาดลด GHG ได้ราว 200 ตัน

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกาศเข้าร่วมโครงการ GoGreen Plus ของดีเอชแอล สะท้อนความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองบริษัท โดยยูโอบีมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทางอ้อม (Scope 3) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเงิน และผลักดันวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคารให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นการสะท้อนความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองบริษัท โดยยูโอบีมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนทางอ้อม (Scope 3) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเงิน และผลักดันวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคารให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น

ความร่วมมือนี้เปิดโอกาสให้ยูโอบีใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ในการขนส่งด่วนระหว่างประเทศทางอากาศผ่านบริการ GoGreen Plus ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินธุรกิจของธนาคาร

นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Deputy CEO และ Wholesale Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การร่วมแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมนี้ เป็นแนวทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ครอบคลุมในทุกด้านของธนาคาร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

บริการ GoGreen Plus จะใช้กับการขนส่งทางอากาศระหว่างไทยและต่างประเทศ สำหรับเอกสารที่สำคัญและเร่งด่วน รวมถึงวัสดุของธนาคารและอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ยูโอบีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินธุรกิจของธนาคารได้

ADVERTISMENT

ด้าน นายเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า บริการ GoGreen Plus ถือแนวทางที่เป็นรูปธรรมให้บริษัทต่าง ๆ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งด้านโลจิสติกส์ และช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยูโอบี และดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ได้ร่วมลงนามในข้อตกลง GoGreen Plus ในระดับภูมิภาคเพื่อร่วมลงทุนในเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนสำหรับการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศของยูโอบี คาดการณ์ว่าการเข้าร่วมโครงการนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 200 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

ADVERTISMENT