ครั้งแรกกับการเปิดโรงงานของหาดทิพย์ ผู้ผลิตโคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้ โชว์ไฮไลต์เด็ดด้านความยั่งยืนตามหลัก ESG ผ่าน 4 มิติ การจัดการน้ำ, ร่วมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน และส่งเสริมบุคลากรด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “โคคา-โคลา” ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างความสมดุลในเรื่องของประชาชน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
พร้อมสร้างความอุดมสมบูรณ์และสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจตามหลัก ESG ด้วยปรัชญา “หาดทิพย์เคียงข้างชาวใต้” ยามทุกข์เคียงข้าง ยามสุขผูกพัน ด้วยพนักงานกว่า 2,500 คน นับเป็นครอบครัวเดียวกัน
จอห์น เบเนเดตตี รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส-ซัพพลายเชน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินการด้านความยั่งยืนต้องมีการวัดผล โดยมีการจัดทำแดชบอร์ดข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ โดยแสดงผลทั้ง 3 สโคป ได้แก่ เชื้อเพลิง (Fuel) การใข้ไฟฟ้า (Electric) และทางอ้อมอื่น ๆ (OS Material)
โดยบริษัทมีการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมขององค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาการดำเนินงาน และขอการรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยในปี 2567 บริษัทได้ขอการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ของหน่วยสินค้าจำนวน 83 ประเภท
เปิดโรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในส่วนของโรงงานพุนพิน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 315 ไร่ เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2556 เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและให้บริการผู้บริโภคในภาคใต้ตอนบนได้ดียิ่งขึ้น ภายในโรงงานประกอบด้วยสายการผลิตที่ทันสมัยจำนวน 6 สาย ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกของ “โคคา-โคลา” และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล ของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
โดยในขณะนี้กำลังก่อสร้างบ้านพักพนักงานและคลังสินค้าใหม่โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์ พื้นที่เก็บสะสมน้ำในเพื่อนำมาใช้ซ้ำให้กิดประโยชน์ อาคารประหยัดพลังงานด้วยระบบระบายอากาศ แสงสามารถส่องถึงได้ ประหยัดไฟ ECOBLOK จากวัสดุรีไซเคิล 50% คาดเปิดให้ใช้งานไตรมาส 2 ปี 2025
ทั้งนี้ ยังมีพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม ด้วยการติดโซลาร์ 9,148 แผง และ Solar Fold สามารถรองรับพลังงานได้ 19% ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3,000 ตัน/ปี ตั้งเป้า 2025 ติดเพิ่มเป็น 2,686 ลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มอีก 28%
แผนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโรงงานหาดทิพย์
นันทิวัต ธรรมหทัย รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการพัฒนาความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจว่า หาดทิพย์ ขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่าน 4 มิติ ได้แก่ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน, ร่วมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน และส่งเสริมบุคลากรด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
-ลดการใช้น้ำในการผลิต โดยตั้งเป้าลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต จากปัจจุบัน 1.54 ลิตรต่อหน่วยการผลิต ให้เหลือ 1.39 ลิตรต่อหน่วยการผลิต ภายในปี 2573 ผ่านการดำเนินงานต่าง ๆ เช่น การปรับขนาดหัวฉีดล้างขวดแก้ว การติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น และการติดตั้งระบบล้างรถอัตโนมัติที่ใช้น้ำจากการหมุนเวียน
-โครงการ UF Recover Backwash โดยเปลี่ยนมาใช้ไส้กรอง Ultrafiltration ซึ่งสามารถนำน้ำสะอาดกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 44,513 ลูกบาศก์เมตรต่อปีเมื่อเทียบกับระบบเดิมในปี 2565 ช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลงได้ถึง 9%
-ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อปรับเสถียร บนพื้นที่ 26 ไร่ ซึ่งใช้พลังงานต่ำ โดยใช้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic) ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย สามารถรองรับน้ำทิ้งได้เพียงพอกับกำลังการผลิตของโรงงาน และมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ร่วมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
-เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารผลิต และแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ จำนวนมากกว่า 9,000 แผง ที่โรงงานพุนพิน ซึ่งสามารถผลิตพลังงานทดแทนมาใช้ภายในโรงงานได้ถึง 19% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด
และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงานได้ถึง 28% ก่อนสิ้นปี 2568
-การใช้พลังงานทดแทน เช่น เพิ่มการใช้รถยกไฟฟ้าในคลังสินค้า จำนวน 29 คัน และใช้รถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิง NGV จำนวน 8 คัน นอกจากนี้ โรงงานพุนพินยังติดตั้งหม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิง LPG รวมถึงระบบหมุนเวียนความร้อนกลับมาใช้ใหม่
ส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
-พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อลดปริมาณและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ โดยตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา หาดทิพย์สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ลงถึง 911 ตัน และลดการใช้อะลูมิเนียมลง 404 ตัน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 4,670 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ส่วนในปี 2567 บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดน้ำหนักพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ลงให้ได้ 800 ตัน โดยล่าสุดสามารถลดน้ำหนักพลาสติกที่ใช้ผลิตฝาขวดน้ำอัดลมจาก 2.45 กรัม เหลือ 1.75 กรัม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการใช้พลาสติกที่ลดลงถึง 28%
-เพิ่มบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน หาดทิพย์ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อลดการใช้พลาสติก และใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ “โคคา-โคลา” ในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติก PET รีไซเคิล หรือ rPET 100% (ไม่รวมฉลากและฝา) ในผลิตภัณฑ์ “โคคา-โคลา” สูตรออริจินอล และ “โคคา-โคลา” สูตรไม่มีน้ำตาล ขนาด 1 ลิตร
-สนับสนุนการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาแปรรูปใช้ใหม่ โดยร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดเก็บขวดพลาสติกและกระป๋องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมทั้งร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ เช่น ในแคมเปญ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky ในจังหวัดภูเก็ตและสงขลา
และโครงการประกวดชั้นวางสินค้าจากวัสดุรียูส รวมถึงจัดโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานจากฝาขวดพลาสติกร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้ผู้บริโภคร่วมลดและแยกขยะอย่างจริงจัง