“ดร.เฉลิมชัย” นำเสนอผลการประชุม COP29 แก้ไขปัญหาโลกเดือด สู่เป้าหมายระดับโลก

“ดร. เฉลิมชัย” ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ย้ำไทยต้องเร่งสร้างความพร้อมในมิติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ พร้อมเปิดเวทีนำเสนอผลการประชุม COP29 หวังให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้และร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อส่งต่อโลกใบนี้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในฐานะประธานพิธีเปิดงานวันสิ่งแวดล้อมไทย และวัน ทสม. แห่งชาติ ปี 2567 ว่า สืบเนื่องจากจุดเริ่มต้นของวันสิ่งแวดล้อมไทย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงห่วงใยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทยและโลกที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น และให้ถือเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

นับเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้น้อมนำพระราชดำรัสมาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยมุ่งเน้นให้เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่าย ทสม. เป็นฟันเฟืองสำคัญในการส่งเสริมการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ส่งผลต่อเนื่องไปสู่การดำเนินงานร่วมกับประชาคมโลก

ประเทศไทยต้องยกระดับการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ

ในโอกาสนี้ อยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบในขณะนี้ และจะต่อเนื่องไปอีกในระยะยาว ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับการดำเนินงาน ตามพันธกรณีภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส

โดยเร่งสร้างความพร้อมของการดำเนินงานในมิติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ทุกภาคส่วน 

ADVERTISMENT

เปิดเวทีนำเสนอผลการประชุม COP29

ดร. เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า จากการประชุม COP29 ณ ประเทศอาเซอร์ไบจาน ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการยกระดับการดำเนินงานทั้งการปฏิบัติตามเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก รวมถึงบูรณาการแผนการปรับตัวระดับชาติให้เชื่อมโยงกับระดับท้องถิ่น พร้อมกับการเร่งพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าให้แก่ประชาชนระดับพื้นที่

ADVERTISMENT

โดยเน้นย้ำว่าการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามกรอบอนุสัญญาฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งแนวทางดำเนินงานของประเทศไทย มีความมุ่งมั่นให้ภาครัฐเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน

โดยมีภาคเอกชน และภาคประชาชน เครือข่าย ทสม. เป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับพื้นที่ และมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งและชัดเจน ให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างได้อย่างเป็นรูปธรรม 

“สุดท้ายนี้ขอเน้นย้ำว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลกและต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการจัดการปัญหาร่วมกันจึงขอให้ใช้โอกาสนี้สื่อสารสาระสำคัญจากผลการประชุม COP29 ในมุมมอง “จากโลกสู่เราเพื่อเปลี่ยนเราเปลี่ยนโลก” และมุ่งหวังให้ภาครัฐภาคเอกชนและภาคประชาสังคมได้รับรู้และร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายของประเทศอย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรมเพื่อส่งต่อโลกใบนี้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไปได้อย่างยั่งยืน”