‘ธัญวัจน์’ เปิด 3 ข้อกฏหมายที่ต้องแก้ไขหลังสมรสเท่าเทียม

‘ธัญวัจน์’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผย 3 เรื่องที่ต้องแก้ไขหลังจากไทยมีสมรสเท่าเทียม ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อการตั้งครรภ์ การรับรองสัญชาติ และ การรับรองเพศ-คำนำหน้านาม เพื่อสร้างความเท่าเทียมและแก้ไขข้อขัดแย้งเพื่อให้เกิดสมรสเท่าเทียมอย่างแท้จริง

เวทีเสวนา “การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในยุสมรสเท่าเทียม” ภายในงาน นฤมิตไพร์ด ประวัติศาสตร์จดทะเบียนสมรสครั้งแรกในไทย ณ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน โดยมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ, ภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันผลักดันพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม 

ร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สำนักนายกรัฐมนตรี, กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมพันธมิตรภาคประชาสังคมและภาคเอกชน

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ… และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า กฏหมายสมรสเท่าเทียม หมายถึงว่า กฎหมายทั้งหมดที่กำหนดสิทธิ์ของสามี-ภรรยา สามารถบังคับใช้ได้เลย เช่น สิทธิ์บำเหน็จ บำนาญ ประกันสังคม

แต่ยังมีอีก 3 เรื่องที่ต้องแก้ไข ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อการตั้งครรภ์ สัญชาติ และ การรับรองเพศ

ADVERTISMENT

ซึ่งเทคโนโยลีเพื่อการตั้งครรภ์มีข้อถกเถียงอย่างมาก อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องมีการระดมสมองเพื่อแก้ไขปัญหากฏหมายนี้ให้ได้ ในเรื่องสัญชาติ ภริยาเป็นชาวต่างชาติต้องพูดไทยได้ก่อน ตรงส่วนนี้จะมีการแก้อย่างไรหากแต่งงานเพศเดียวกัน ทั้งด้านอนุสัญญาเวียนนาที่ต้องทำงานกันต่อว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และสุดท้าย การรับรองเพศ-คำนำหน้านามที่มีการเสนอมติต่อไปอีก 180 วัน

ADVERTISMENT

ไทยพร้อม 99.99%

นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  บอกเล่าว่า ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับหลากหลายหน่วยงาน โดยได้ข้อสรุปให้ยึดประมวลแพ่ง-พาญิชย์ได้เลยทันที แต่เรื่องของกฎหมายสัญชาติ หรือกฎหมายที่มีการให้สิทธิ์แตกต่างกันระหว่างชายหญิงยังคงต้องแก้ไขกันต่อไป

อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ… กล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า สาระสำคัญของเนื้อหากฎหมายถูกเขียนขึ้นเพื่อคนทุกคน ดัวนั้นจึงมีความละเอียดอ่อนมาก ต้องมีการพูดคุยหลายรอบ ภาคการเมืองมีความพยายามที่จะไม่ให้กระทบกระทั่งกับกฎหมายฉบับอื่น และต้องทันเวลา 

ด้านจิตวิภา เบญจศีล ผู้อำนวยการกองการสังคม กรมองค์การระหว่างประเทศ กล่าวต่อว่า หลักพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนคือเรื่องการไม่เลือกปฏิบัติ ความเท่าเทียมการ เพศสภาพ ซึ่งทั้งหมดถูกรับรองในปฏิญญาสากลในกติการะหว่างประเทศ สิทธิทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนที่ใช้กับทุกคน

สถานทูต และกงสุลฯ พร้อมให้บริการบนพื้นฐานของกฎหมาย นอกจากจดทะเบียนคู่สมรสที่มีคู่เป็นคนไทย ต้องมีเอกสารประจำตัวและใบโสด ด้านคู่สมรสต่างชาติ สามารถมาทำเอกสารรับรอง และทำที่โครงการกงสุลฯจดทะเบียนในไทยได้ด้วย

การรับรองสถานะครอบครัว สามารถรับรองที่สถานทูตได้ และมาเซ็นที่กงสุลฯประเทศไทยเพื่อไปใช้งานต่อได้เช่นกัน  สำหรับคู่สมรสเพศเดียวกันที่เป็นนักการทูต ได้มีการปรับตำแหน่งประจำตัวเปลี่ยนเป็น “คู่สมรส” เพื่อสอดคล้องกัน