จระเข้ ส่งโครงการปลูกป่าเข้า T-VER ชดเชยคาร์บอน 1.2 พันตัน

บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปักธงนโยบายยั่งยืน เดินหน้าโครงการสำคัญ Jorakay Green Earth พาหัวใจสีเขียวไปร่วมปลูกป่า ปีที่ 2 สู่การวัดผลอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานการลดก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจของประเทศไทยผ่านโครงการ T-VER ที่ดำเนินการโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก

จระเข้ ได้เริ่มดำเนินโครงการ JORAKAY Green Earth ในปี 2567 ซึ่งเป็นโครงการระยะยาวที่ดำเนินการปลูกป่าชายเลนจำนวน 62.5 ไร่ ในพื้นที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พร้อมดูแลผืนป่าเป็นเวลาต่อเนื่อง 10 ปี ภายใต้ความร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เครือข่าย Thailand Mangrove Alliance และชุมชนในพื้นที่ 

โดยจได้ลงพื้นที่ปลูกต้นกล้า ในเดือนมิถุนายน 2567 นอกจากมิติด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว โครงการนี้ยังร่วมสร้างเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน 

ด้วยการจ้างแรงงานชุมชนในพื้นที่เพื่อพัฒนา  ฟื้นฟู และดูแลแปลงปลูกชายเลน โดยมากกว่า 77% ของงบประมาณทั้งหมดในปีแรก ได้รับการจัดสรรให้แรงงานในพื้นที่ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ 

และต่อมาในปี 2568 จึงได้สานต่อภารกิจอย่างเป็นระบบสู่ “คาร์บอนเครดิตที่จับต้องได้” ด้วยการลงพื้นที่ตรวจสอบและประเมินผลป่าชายเลน จัดทำเอกสารข้อเสนอโครงการและเข้าสู่ขั้นตอนการทวนสอบโดยหน่วยงานภายนอก พร้อมมุ่งสู่การขึ้นทะเบียน T-VER ในขั้นตอนต่อไป 

และเมื่อขึ้นทะเบียน T-VER ในอนาคต บริษัทจะได้รับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เก็บกักได้จริง ซึ่งจะกลายเป็นคาร์บอนเครดิต ที่นำไปชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจ โดยคาดว่าคาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการ T-VER จะชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าตลอดระยะเวลา 10 ปี

ADVERTISMENT

ซึ่งการเข้าประเมินพื้นที่และเตรียมส่งผลขึ้นทะเบียน T-VER นับเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนขององค์กรในปี 2025 และการบรรลุ Net Zero ในปี 2065

ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์

ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ณ วันนี้ ถ้าทำธุรกิจต้องคุยเรื่องกรีน จระเข้มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้ว ด้วยความคิดที่ต้องการตอบโจทย์มาตรฐานอาคารเขียว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเรื่องที่จุดติดค่อนข้างยาก เนื่องจากเรื่องภาวะโลกร้อนยังไม่บูมในประเทศไทย

“ในวันนี้ทุกคนเริ่มรับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น การเข้าสู่ระบบ T-VER ในปีนี้ คือหมุดหมายสำคัญที่แสดงความมุ่งมั่นของจระเข้ในการลดก๊าซคาร์บอนจากทั้งในกระบวนการผลิต การดำเนินธุรกิจ และการชดเชยผ่านการดูแลรักษาธรรมชาติ

ทุก ๆ ก้าวของโครงการ Jorakay Green Earth เป็นกลไกสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ของจระเข้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนเป็นกลางในปี 2050 และบรรลุ Net Zero ในปี 2065 สอดคล้องกับกลยุทธ์ 5SD และแนวทางธุรกิจที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ

นอกจากการดูดซับคาร์บอน ยังเป็นการสร้างความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกันกับการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ เพราะพื้นที่ป่าสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ดีที่สุด ช่วยให้โลกร้อนมีผลกระทบที่เบาลง ช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าสมบูรณ์ รวมไปถึงช่วยฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

โดยมุ่งมั่นดูแลฟื้นฟูป่าชายเลนรวมพื้นที่ 62.5 ไร่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 10 ปี พร้อมสนับสนุนงบประมาณระยะยาว เพื่อให้ชุมชนมีรายได้และมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

ในปีแรกของโครงการ ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 77% จากยอดขายผลิตภัณฑ์กรีนแพ็คและงบประมาณรวมทั้งหมดสำหรับการดำเนินโครงการปีแรก เพื่อกระจายรายได้จ้างแรงงานชุมชนในพื้นที่ในการปรับปรุงพื้นที่ เพาะกล้า ปลูกต้นไม้ กำจัดวัชพืช และดูแลแปลงปลูกอย่างต่อเนื่อง

ศุภพงษ์ กล่าวต่อว่า เรื่องของภาพลักษณ์และผลิตภัณฑ์มีผลให้ผู้บริโภคมีมุมมองแนวบวกต่อแบรนด์มากขึ้น บริษัทมีการพยายามผลักดันการขายกรีนโปรดักส์ให้มากขึ้น ปัจจุบันมียอดขายสินค้าอยู่ราวๆ 63% ซึ่งได้ตั้งเป้าไว้ที่ 68% ซึ่งในส่วนนี้อาจยังต้องรอเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นส่วนช่วยสนับสนุน และต้องให้ความรู้กับผู้บริโภคในแง่ของผลิตภัณฑ์รักษ์โลกเพิ่มมากขึ้นด้วย

ในส่วนการประเมินคาร์บอนฯ จระเข้ได้มีการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) ย้อนหลัง 3 ปี ส่วนปีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนประเมินแต่ละสินค้า ด้านพลังงานสะอาดมีการติดตั้งโซลารรูปท็อป 3 เฟส งบ 40 ล้านบาท และในส่วของสำนักงานใหญ่มีไฟฟ้าพลังงานสะอาดสนับสนุน 30% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด ในส่วนต่อไปที่กำลังสนใจจะลงทุนคือแบตเตอรีกักเก็บพลังงานแต่ยังอยู่ในช่วงดูงบประมาณ

ในส่วนของปี 2568 แบรนด์จระเข้ พร้อมเดินหน้าขยายพอร์ตความแข็งแรงสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างสีรักษ์โลก ไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาและเวียดนาม) ในด้านการเติบโต ช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตมากกว่า 10% โดยเฉพาะกลุ่มเคมีฯ

“ส่วนการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์กรีนยังต้องใช้เวลา ต้องใช้การสื่อสาร และปัจจัยสำคัญคือเรื่องของราคา ภาวะเศรษฐกิจ ในส่วนของฝ่ายการตลาดต้องพยายามสื่อสารเรื่องนี้ให้มากขึ้นว่าจ่ายแพงเพื่อกรีนแล้วได้อะไร” ศุภพงษ์ ย้ำ

ล่าสุด โครงการ Jorakay Green Earth คว้ารางวัล “Asia Responsible Enterprise Awards 2025” สาขา “Green Leadership” ในฐานะต้นแบบโครงการที่นำนโยบายด้านความยั่งยืนมาลงมือทำจริงและวัดผลจริงในระยะยาว เพราะจุดเริ่มต้นไม่ใช่เพียงการทำ CSR  แต่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนให้ธุรกิจ