ผลสำรวจแรงงานทั่วโลก ส่งสัญญาณเตือน สมองไหล

ดวงพร พรหมอ่อน
ดวงพร พรหมอ่อน

Jobsdb by SEEK เปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานทั่วโลกและในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในผลสํารวจชุด Global Talent Survey 2024 (การสำรวจแรงงานทั่วโลก) สํารวจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของสถานที่ทํางานและวิธีการทํางานที่ผู้หางานทั่วโลกต้องการ จากผู้ทำแบบสำรวจกว่า 150,000 คน กว่า 180 ประเทศ

“ดวงพร พรหมอ่อน” กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK กล่าวว่า Global Talent Survey 2024 จัดทำโดย JobStreet และ Jobsdb ภายใต้กลุ่มบริษัท SEEK ร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) และ The Network เพื่อสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการทํางานและความสมัครใจในการโยกย้ายงานระดับโลกและระดับประเทศ

“ผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับบุคลากรระดับมืออาชีพจากทั่วโลก ที่สนใจโอกาสงานและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันความสนใจของชาวไทยในการไปทำงานต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ดังนั้น องค์กรในไทยต้องปรับกลยุทธ์ในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ”

ต่างชาติอยากมาทำงานที่ไทย

ประเทศไทยถูกยกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นที่ต้องการของผู้หางานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ขยับขึ้นมาลำดับที่ 31 จากลำดับที่ 39 ในการจัดอันดับโลกนับจากปี 2561 ประเทศไทยดึงดูดผู้ที่มีความสามารถหลากหลายจากทั่วโลกถึง 62% ให้เข้ามาทำงาน

เนื่องจากชื่นชอบในคุณภาพชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นมิตรและการไม่แบ่งแยก ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องค่าครองชีพที่เอื้อต่อการอยู่อาศัย โดยผลสำรวจในเดือนมีนาคมปี 2566 ได้เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีพนักงานต่างชาติกว่า 2.7 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 7% ของแรงงานในประเทศ

“เหตุผลที่ต่างชาติเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ คือ คุณภาพชีวิต 62%, วัฒนธรรมที่เปิดรับและการไม่แบ่งแยก 59%, รายได้ ภาษี และค่าครองชีพ 50%, คุณภาพของโอกาสในการทํางาน 39%, สภาพแวดล้อมที่เหมาะสําหรับครอบครัว 35%, ความปลอดภัย ความมั่นคง และความมั่นใจ 25%, กระบวนการขอวีซ่าและใบอนุญาตทํางาน 21%, นวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล 17%, ระบบสาธารณสุข 16% และโอกาสในการเป็นพลเมือง 13%”

ADVERTISMENT

คนจาก 10 ประเทศนี้ เป็นประเทศที่อยากมาทำงานที่ไทยมากที่สุด อันดับ 1 สิงคโปร์, อันดับ 2 มาเลเซีย, อันดับ 3 ฮ่องกง, อันดับ 4 ฟิลิปปินส์, อันดับ 5 อินโดนีเซีย, อันดับ 6 เยอรมนี, อันดับ 7 เดนมาร์ก, อันดับ 8 แอฟริกาใต้, อันดับ 9 สหรัฐอเมริกา และอันดับ 10 ฝรั่งเศส

ปรากฏการณ์สมองไหล

“ดวงพร” อธิบายว่า ถึงแม้ตัวเลขที่คนไทยสนใจไปทำงานต่างประเทศจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดเท่าก่อนเกิดโรคระบาดปี 2561 แต่ความสนใจถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2566 ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึง ปรากฏการณ์สมองไหล

ADVERTISMENT

ในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยกว่า 66% ที่มีความสนใจในการโยกย้ายไปทำงานต่างประเทศ ส่วนมากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ (79%) ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงความมุ่งมั่นในความก้าวหน้าในอาชีพ ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น ตลอดจนโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ

ตัวอย่างสาขาอาชีพที่คนไทยมีความพร้อมในการโยกย้าย คือ

การศึกษาและการฝึกอบรม 85% อาจารย์เเละผู้สอนในประเทศไทยนั้นเชื่อว่าจะได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายเเละเติบโตในหน้าที่จากการสอนระหว่างประเทศ

กฎหมาย 73% นักกฎหมายชาวไทยกำลังมองหาบทบาทระดับนานาชาติ เพื่อขยายความเชี่ยวชาญทางกฎหมายและสร้างเครือข่ายระดับโลก

การจัดการธุรกิจ 73% นักบริหารธุรกิจมีความต้องการที่จะมองหาโอกาสการทำงานในต่างประเทศอย่างสิงคโปร์ และฮ่องกง เพื่อการเติบโตด้านการตลาด สื่อดิจิทัล และอุตสาหกรรมเอไอ

ไอที 72% ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมีความมุ่งมั่นที่จะไปทำงานในประเทศที่มีการพัฒนาในด้านเทค อย่าง สหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะเสริมสร้างความรู้ในแง่ของการพัฒนาซอฟต์แวร์ วิทยาศาสตร์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการพัฒนาและปฏิบัติการร่วมกัน

วิศวกรรมและเทคนิค 69% วิศวกรมีความต้องการที่จะทำงานในองค์กรขนาดใหญ่เเละครบวงจร

ประเทศที่คนไทยเลือก

ทั้งนี้ 10 ประเทศที่คนไทยอยากไปทำงานมากที่สุด คือ อันดับ 1 สิงคโปร์ อันดับ 2 ออสเตรเลีย อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา อันดับ 4 ญี่ปุ่น อันดับ 5 แคนาดา อันดับ 6 จีน อันดับ 7 สหราชอาณาจักร อันดับ 8 สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 9 เยอรมนี อันดับ 10 นิวซีแลนด์

“ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยอันดับต้น ๆ อาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค ศักยภาพทางการตลาด และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ที่ได้ไปทำงานในต่างประเทศมีความตั้งใจที่จะกลับมายังประเทศไทยในท้ายที่สุด เเละอีก 18% ที่ต้องการอยู่ต่ออย่างไม่มีกำหนด”

การทำงานออนไลน์

แนวโน้มการทำงานระยะไกล (Virtual Mobility) เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยตั้งแต่ปี 2563 ผู้หางานชาวไทยมีความต้องการในการทำงานระยะไกลหรือการทำงานแบบไม่ต้องย้ายถิ่นฐานเพิ่มขึ้นถึง 26% จาก 50% ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 76% ในปี 2566

แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความสนใจในการย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างประเทศที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะผู้หางานมองว่าตนเองสามารถทำงานทางไกลได้จากประเทศไทยโดยไม่จำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานได้เช่นกัน

ขณะที่ภาพรวมผู้หางานจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 66% สนใจที่จะทำงานในต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องมีการย้ายถิ่นฐาน แสดงให้เห็นถึงการโยกย้ายแบบเสมือน

กลยุทธ์ดึงดูดพนักงาน

“ดวงพร” ให้ข้อเสนอแนะสําหรับผู้ประกอบการชาวไทยเพื่อดึงดูดผู้หางานระดับโลก ดังนี้

หนึ่ง การวางแผนเกี่ยวกับความต้องการบุคลากรระดับโลก เพื่อรับมือกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรในอนาคต ผู้ประกอบการไทยควรวางแผนจำนวนบุคลากรล่วงหน้าโดยเฉพาะในสาขาที่มีทักษะสูง เนื่องจากประชากรสูงวัยและภาคดิจิทัลมีช่องว่างด้านบุคลากรจึงอาจพิจารณาดึงคนจากประเทศใกล้เคียง เช่น สิงคโปร์และมาเลเซีย ที่สนใจย้ายมาทำงานในไทย

สอง การดึงดูดเเละสรรหาบุคลากรจากทั่วโลก เพื่อดึงดูดผู้หางานคุณภาพจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการในประเทศไทยควรปรับข้อเสนอขององค์กรให้เหมาะสมกับความต้องการของแรงงานทั่วโลกโดยการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพชีวิต วัฒนธรรมองค์กร รายได้ ภาษี และค่าครองชีพ นอกจากนี้การเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มสรรหาบุคลากรที่มีเครือข่ายทั่วภูมิภาค เช่น SEEK ก็ช่วยเปิดโอกาสในการค้นหาผู้หางานได้มากขึ้นเช่นกัน

สาม การย้ายถิ่นฐานเเละการต้อนรับดูแลบุคลากรจากทั่วโลก ผู้ประกอบการไทยควรให้การสนับสนุนดูแลบุคลากรจากทั่วโลกที่ย้ายมาทำงานในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการช่วยเหลือด้านวีซ่า ที่อยู่อาศัย และการย้ายถิ่นฐาน รวมถึงการปฐมนิเทศและโปรแกรมเพื่อนร่วมงานในช่วงแรก

สี่ การรักษาพนักงานคุณภาพระดับโลก เพื่อปลดล็อกศักยภาพของวัฒนธรรมองค์กรควรที่จะสร้างบรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้างเเละไม่แบ่งแยกโดยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการทำงาน เเละยังมุ่งเน้นในการสร้างวัฒนธรรมที่ยอมรับความหลากหลาย เช่น การจัดทีมงานระหว่างวัฒนธรรม การฝึกอบรมหัวหน้างานเกี่ยวกับการไม่ลำเอียง และการเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม

ความรู้สึกกับงานปัจจุบัน

“ดวงพร” บอกว่า พนักงานชาวไทยเพียง 12% เท่านั้นที่รู้สึกว่างานปัจจุบันตรงกับทักษะและความปรารถนาของพวกเขา ขณะที่ 25% รู้สึกว่างานปัจจุบันไม่ตรงกับทักษะและความต้องการเลย

โดยในจำนวนนั้นเป็นพนักงานชาวไทยที่มีค่าจ้างต่ำ (41%) และเพียง 18% ของพนักงานที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง รู้สึกว่างานปัจจุบันของพวกเขาตรงกับทักษะและความต้องการ

นับว่า Global Talent Survey 2024 เป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจที่ครอบคลุมแนวโน้มการย้ายถิ่นฐานแรงงานทั่วโลก และความต้องการของคนทำงาน เพื่อที่จะช่วยให้นายจ้างในประเทศต่าง ๆ สร้างกลยุทธ์ดึงดูดคนไทยตรงจุด และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้