
จบไปหมาด ๆ กับงานประกาศรางวัล 50 บริษัทในฝันของคนรุ่นใหม่ หรือ Top 50 Companies in Thailand “ประชาชาติธุรกิจ” ชวนแกะมุมมองจากเจ้าของผลสำรวจ “เวิร์คเวนเจอร์ฯ” ถึงความต้องการของแบรนด์นายจ้าง-แรงงานไทย ในยุคที่มีการแข่งขันสูง และประชากรวัยทำงานเริ่มมีจำนวนลดน้อยลงจนต้องแย่งชิงกัน
จีรวัฒน์ ตั้งบวรพิเชฐ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการสร้างแบรนด์องค์กรนายจ้าง บริษัท เวิร์คเวนเจอร์ เทคโนโลจีส์ จำกัด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการสร้าง “แบรนด์นายจ้าง” ว่าเป็นการเปิดเผยตัวตน ในยุคนี้องค์กรต้องการคนที่จ้างร้อยล้าน มีใจ พร้อมสนุกไปด้วยกัน เอ็นเกจไปกับงาน ต้องการคนที่พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง คาดหวังว่าคนยุคใหม่ต้องมาพร้อมเทคโนโลยี พร้อมลุย และเข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กร
เทรนด์สร้างแบรนด์นายจ้าง’68
ในยุคที่ตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูง แบรนด์นายจ้างจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถคัดเลือกบุคลากรคุณภาพ และรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรในระยะยาว ซึ่งในแต่ละปีจะมีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่ช่วยสร้างแบรนด์นายจ้างให้เข้าไปอยู่ในใจผู้สมัครงานและพนักงาน
“หากองค์กรไม่ปรับตัวตามเทรนด์ อาจพลาดโอกาสที่จะดึงดูดคนเก่ง และต้องเผชิญกับความท้าทายในยุคที่พนักงานเลือกงานมากขึ้น เพราะในปัจจุบันพนักงานไม่ได้เลือกงานจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป”
เวิร์คเวนเจอร์ฯศึกษาการสร้างแบรนด์นายจ้างจากองค์กรชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในหลายอุตสาหกรรม พบว่า เทรนด์การสร้างแบรนด์นายจ้างในปี 2568 มุ่งให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน, การสื่อสารองค์กรผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และการพัฒนาด้าน Employer Value Proposition (EVP)
ESG มาแรงแซงทางโค้ง
จีรวัฒน์เปิดเผยว่า การผสานแนวคิด ESG (Environmental, Social, Governance) ในการสร้างแบรนด์นายจ้างมีความสำคัญมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่องค์กรยึดถือ โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนและจริยธรรม ซึ่งทำให้องค์กรที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG สามารถดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
“คนรุ่นใหม่มองหางานในองค์กรที่มีจริยธรรมและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น องค์กรนายจ้างที่ผสาน ESG ในการดำเนินธุรกิจจึงมีความโดดเด่นในตลาดแรงงาน และกลายเป็น Employer of Choice ที่สะท้อนถึงคุณค่าและความเชื่อมั่นของพนักงานยุคใหม่ การนำ ESG เข้ามาผสานในกลยุทธ์องค์กรยังช่วยลดความเสี่ยง เช่น ความเสียหายจากภาพลักษณ์องค์กร หรือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ด้วย”
พื้นที่สื่อครองใจวัยรุ่น
นายจีรวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 แพลตฟอร์มอย่าง Meta เช่น Facebook และ Instagram, YouTube และ TikTok จะกลายเป็นเครื่องมือหลักที่องค์กรไทยใช้ในการสร้างแบรนด์นายจ้าง เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและวัฒนธรรมการทำงาน
สำหรับการสร้างแบรนด์นายจ้างในปีนี้ควรมุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเล่าเรื่องราวของพนักงาน สะท้อนความเป็นจริงในองค์กร และช่วยสร้างความเชื่อมโยงกับผู้สมัครงานที่มีศักยภาพ รวมทั้งการเล่าเรื่องราวที่เน้นประสบการณ์ส่วนตัวของพนักงานจะช่วยให้องค์กรได้เปรียบในตลาดแรงงาน เพราะผู้สมัครงานมักต้องการทราบประสบการณ์ของคนในองค์กรผ่านเรื่องราวที่เข้าถึงง่าย
นอกจากนี้ วิดีโอสั้นที่สนุกและตามเทรนด์ เช่น TikTok หรือ Reels จะมีบทบาทในการนำเสนอวัฒนธรรมองค์กร ขณะเดียวกัน การมีส่วนร่วมของพนักงานในฐานะแบรนด์แอมบาสซาเดอร์จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและสะท้อนความโปร่งใส
พฤติกรรมการบริโภคสื่อดิจิทัลของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับความจริงใจและความโปร่งใสจากองค์กร ทำให้แพลตฟอร์มดิจิทัลกลายเป็นตัวเร่งการสื่อสารแบบ Real-Time องค์กรสามารถปรับเนื้อหาให้ตรงกับเหตุการณ์หรือกระแสปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนในเนื้อหาที่เน้นการเล่าเรื่องราวผ่านดิจิทัลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างแบรนด์นายจ้างที่โดดเด่น ช่วยดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่ และสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยได้เป็นอย่างดี
EVP สู่ MVP
Employer Value Proposition หรือ EVP คือคำมั่นสัญญาขององค์กรที่สะท้อนถึงคุณค่าและประสบการณ์ที่พนักงานจะได้รับ ซึ่ง EVP ที่ชัดเจนและโดดเด่นไม่เพียงแต่จะดึงดูดผู้สมัครที่มีศักยภาพ แต่ยังช่วยสร้างความผูกพันกับพนักงานในระยะยาว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่องค์กรต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งโครงสร้างองค์กรและวิสัยทัศน์องค์กร เช่น การเปลี่ยนผู้นำหรือการรีแบรนด์
จีรวัฒน์เปิดเผยว่า การแข่งขันในตลาดแรงงานและความต้องการ “งานที่มีความหมาย” ของคนรุ่นใหม่ ทำให้ EVP กลายเป็นประเด็นสำคัญ องค์กรชั้นนำเริ่มลงทุนเรื่อง EVP อย่างจริงจัง เช่น การใช้เรื่องเล่าจากพนักงาน (Employee Storytelling) ผ่านดิจิทัล เช่น LinkedIn หรือ TikTok เพื่อดึงดูดบุคลากรที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กร
แนวทางด้าน EVP ที่องค์กรควรนำมาปรับใช้ในปีนี้ คือการใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อพัฒนา EVP ให้กลายเป็น Strategic EVP ที่ทั้งตอบโจทย์ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย และยังสร้างความแข็งแกร่งด้านบุคลากรให้กับองค์กรได้อีกด้วย รวมถึงการสื่อสาร EVP อย่างโปร่งใสและเป็นจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความผูกพันของพนักงาน หากองค์กรสามารถพัฒนา EVP ได้อย่างเหมาะสม จะสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันและดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพได้มากขึ้น
10 สิ่งที่ตัดสินใจเลือกนายจ้าง
จากข้อมูลการสำรวจครั้งใหญ่ประจำปีล่าสุดจาก WorkVenture ยังเผยให้เห็นถึงความคาดหวังและความต้องการของทาเลนต์ไทยล่าสุดที่มีต่อองค์กรนายจ้าง ทั้งเรื่องของการตัดสินใจไปร่วมงานกับองค์กรใหม่ และการเลือกที่จะอยู่และเติบโตกับองค์กรเดิม
เสียงที่สะท้อนกลับมาเป็นสิ่งที่องค์กรจะต้องนำมาวางกลยุทธ์และยกระดับ พัฒนาประสบการณ์การทำงานให้กลายเป็นจุดขายในการสร้างแบรนด์องค์กรในฐานะนายจ้าง ให้แข่งขันได้ในตลาดแรงงานที่ปัจจุบันทวีความรุนแรงและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในปี 2025
จีรวัฒน์เปิดเผยภาพรวมความสำคัญ 10 ข้อ ที่คนทำงานตัดสินใจเลือกนายจ้างตามลำดับ ได้แก่ รายได้, สวัสดิการ, ความก้าวหน้าในอาชีพ, ความมั่นคงในอาชีพการงาน, ความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว, สถานที่ทำงาน, ทีมเวิร์กและการสื่อสาร, ความเป็นมืออาชีพ, ความเคารพและความเห็นอกเห็นใจ และวัฒนธรรมองค์กร
สิ่งที่ได้รับความสำคัญมากขึ้นสูงที่สุดในปี 2025 คือสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์และคล่องตัวสูง โดยการมีสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์และมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกท้าทายและแรงจูงใจในการทำงานได้
รวมถึงปัจจัยด้านการทำงานร่วมกันอย่างการเป็นทีมและความร่วมมือต่อกัน และการเคารพ ให้เกียรติ และเข้าอกเข้าใจต่อกัน เป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งขึ้นเมื่อได้เข้ามาอยู่ในองค์กรแล้ว และเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่ทำให้คนทำงานอยากอยู่และเติบโตกับองค์กรนั้นต่อ
จีรวัฒน์กล่าวต่อถึง 5 อันดับ เพอร์ฟอร์แมนซ์ของนายจ้างไทยที่ยังคงทำได้ดี สายตาของคนทำงาน หรือที่เรียกว่า Best Places To Work ตามลำดับ ได้แก่ ความมั่นคงในการทำงาน, พันธกิจและปณิธานขององค์กร, ความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง, ชื่อเสียง-ภาพลักษณ์ขององค์กร และความไว้วางใจ
“องค์กรนายจ้างจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงความพึงพอใจที่มีต่อการมอบประสบการณ์การทำงานในแง่มุมต่าง ๆ ให้กับคนทำงาน เพื่อยกระดับพัฒนาประสบการณ์ในองค์กรให้กลายเป็นจุดแข็งและจุดขาย เพื่อที่จะได้ดึงดูด ดูแล และรักษาให้ทาเลนต์คนเก่งและคนดีมาอยู่กับองค์กรพร้อมเติบโตไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ก่อนหน้านี้ธุรกิจต่างให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า ทุ่มเทและทุ่มทุนในการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า แนวคิดนี้ได้กลับมาประยุกต์ใช้กับคนทำงานในองค์กรอย่างจริงจังอีกครั้ง
โดยให้ความสำคัญกับการหาตัวชี้วัดประสบการณ์เชิงบวกในองค์กรและนำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อดึงดูดทาเลนต์และรักษาบุคลากรคุณภาพให้สามารถแข่งขันได้ในภาวะที่ประชากรวัยทำงานเริ่มมีจำนวนลดน้อยลงจนต้องแย่งชิงกัน