
ปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่กำลังพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมไทยสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งนอกจากจะเน้นการแข่งขันด้านผลิตภาพภาคอุตสาหกรรม ยังหันมาเน้นความยั่งยืนของห่วงโซ่การผลิตด้วย ทั้งนี้ วิศวกรรมไฟฟ้าเป็นสาขาที่กำลังเติบโต และมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการใช้ระบบไฟฟ้า เพื่อสร้างเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและแก้ปัญหาสังคมมากมาย
เช่น ระบบพลังงานโซลาร์ ที่เชื่อมโยงกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน) อันเป็นเศรษฐกิจทฤษฎีใหม่ที่ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลัก คือเศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศในด้านสังคม เศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กระจายโอกาส กระจายรายได้ เพื่อนำความมั่งคั่งไปสู่ชุมชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง จึงมุ่งผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพในการประกอบอาชีพ ผ่านการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง
โดยมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมทุกองค์ความรู้เกี่ยวกับวิศวกรรมไฟฟ้า และได้รับการยอมรับจากภาครัฐและเอกชน ทั้งยังมีผลงานวิจัยและมีการพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อต่อยอดองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง
“ผศ.ดร.ภรชัย จูอนุวัฒนกุล” คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมกล่าวว่า วิศวกรไฟฟ้าเป็นสาขาที่สามารถทำงานในสิ่งที่จับต้องได้ และใกล้ชิดกับการใช้ชีวิตของทุกคน ซึ่งสาขานี้เติบโตอย่างมากตั้งแต่มีการเริ่มใช้ไฟฟ้าในศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน หลากหลายอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากวิศวกรรมไฟฟ้า เช่น การสื่อสาร สาธารณูปโภค เทคโนโลยี การขนส่ง และงานภาครัฐบาล
วิศวกรรมไฟฟ้าเป็นสาขาวิศวกรรมสมัยใหม่ที่ใช้ฟิสิกส์ อิเล็กทรอนิกส์ และแม่เหล็กไฟฟ้าในการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้หรือผลิตกระแสไฟฟ้า ที่สำคัญ การได้ทำงานด้านวิศวกรรมไฟฟ้ามีประโยชน์ทั้งส่วนบุคคลและสังคม
เพราะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลกระทบเชิงบวกโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนและสังคม จนทำให้วิศวกรไฟฟ้ามีโอกาสก้าวหน้าในสายงานสูง เพราะเป็นได้ทั้งพนักงานในองค์กร หรือเป็นผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ที่สำคัญยังเป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนที่แข่งขันได้
สำหรับหลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้าที่ ม.ศรีปทุม ได้รับการรับรองจากสภาวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย นักศึกษาจบแล้วสามารถไปยื่นสอบ กว. หรือใบประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ได้ และการเรียนสาขานี้ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิด เพราะอาจารย์จะสอนให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่าย แถมใช้งานได้จริง
“ผมเน้นสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem based learning) ผ่านแนวคิด และหลักการ IPO ประกอบด้วย หนึ่ง กระบวนการ (I) เป็นการเตรียมร่างกายให้มีความอดทน จิตใจมีสมาธิ และสติปัญญามีวิธีคิด สอง กระบวนการ (P) มี 5 ขั้นตอนคือ
1.เรียนรู้ให้สามารถอธิบายได้ 2.เข้าใจจนสามารถเขียนได้ 3.นำไปใช้นำเสนอได้ 4.ฝึกฝนจนสามารถสอนผู้อื่นได้ 5.สร้างวิธีคิดที่เป็นของตนเองได้ และสาม กระบวนการ (O) คือภารกิจให้ผู้เรียนสอนผู้เรียนด้วยกันเองผ่านกิจกรรมและภารกิจ”
“ผศ.ดร.ภรชัย” กล่าวต่อว่า การเป็นอาจารย์ต้องไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว อัพเดตความรู้ใหม่อยู่เสมอ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จึงต้องออกหาประสบการณ์ ใช้ความเชี่ยวชาญให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
“ผมได้เป็นกรรมการร่าง TOR ระบบโซลาร์ฟาร์มของกองทุนหมู่บ้าน ภายใต้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) โดยมีเป้าหมายของโครงการคือ ภาครัฐต้องการยกระดับรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิต เพราะบางหมู่บ้านในพื้นที่ห่างไกลนั้น น้ำประปาและไฟฟ้ายังไปไม่ถึง ดังนั้น การมีระบบโซลาร์ฟาร์ม สามารถผลิตไฟฟ้าในพื้นที่นั้น ๆ และใช้ที่นั่นได้”
“นอกจากนั้น รัฐบาลวางเป้าผลิตไฟฟ้าในหมู่บ้านให้ได้ 1 เมกะวัตต์ ต่อ 1 ชุมชน เป้าหมายผลิตติดตั้งรวม 800 เมกะวัตต์ ใน 800 หมู่บ้าน เพราะต้องการผลักดันให้มีโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กเกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของโครงการได้ ซึ่งผมต้องการมีส่วนส่งเสริมการยกระดับชุมชน และให้คนในหมู่บ้านนั้น ๆ มีความสามารถในการดูแลระบบโซลาร์ฟาร์มด้วยตนเองได้ ผ่านการให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีและแบตเตอรี่”
ที่สำคัญ ม.ศรีปทุมให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสีเขียว โซลาร์เซลล์ มีการสอนตั้งแต่การออกแบบระบบโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟท็อป หรือแม้กระทั่งโซลาร์ปั๊ม เพื่อมุ่งเน้นโอกาสงานใหม่ ๆ ให้กับนักศึกษา ซึ่งการออกแบบระบบโซลาร์ 3 ส่วนนี้ อยู่ในรายวิชา problem-based learning
เอาโจทย์ที่เป็นปัญหาของประเทศไทยจริง ๆ เป็นตัวตั้งต้นให้นักศึกษาได้วิเคราะห์ และมีการเชิญวิทยากรจากสภาวิชาชีพวิศวกร บริษัทเอกชน เช่น บริษัท สยาม โซล่าร์ เซลล์ จำกัด มาให้คำแนะนำ และให้นักศึกษาจับกลุ่มทำงานเป็นทีม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
“คนที่สนใจอยากเรียนวิศวกรรมไฟฟ้า ต้องเริ่มจากความตั้งใจที่มีวินัย อดทน และความพยายาม หมั่นฝึกฝนสิ่งที่เรียนตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตนเองและทำซ้ำ ๆ จนเกิดความเชี่ยวชาญ อย่าลืมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ และสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ข้อสำคัญที่สุดไม่เข้าใจอะไร ติดขัดอะไร ขอให้กล้าถามอาจารย์ หรือผู้สอนได้เสมอ” ผศ.ดร.ภรชัยกล่าวทิ้งท้าย