โรงงานเกตเวย์ ยูนิลีเวอร์ ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%

พนิตนาถ จำรัสพันธุ์
พนิตนาถ จำรัสพันธุ์

ยูนิลีเวอร์ หนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึงผลิตภัณฑ์โภชนาการและไอศกรีม ประกอบกิจการในประเทศไทยมากว่า 90 ปี มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

โดยประกาศแผนการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Transition Action Plan : CTAP) ในปี พ.ศ. 2563 เพื่อแสดงแผนงานและผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน พร้อมคำมั่นสัญญาในการลดการปลดปล่อยมลพิษจากกระบวนการผลิตให้เป็น “ศูนย์” ภายในปี พ.ศ. 2582

ยูนิลีเวอร์พัฒนาโรงงานเกตเวย์ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ในการขับเคลื่อนด้านพลังงานสะอาด ตั้งแต่การบริหารจัดการขยะฝังกลบเป็นศูนย์เป็นผลสำเร็จตั้งแต่ปี 2557

การปรับเปลี่ยนเป็นสารทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบรรลุเป้าหมายสำคัญด้วยการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านการพัฒนาระบบเครื่องกำเนิดไอน้ำเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass Boiler) และระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนอาคาร (Solar Roof)

“พนิตนาถ จำรัสพันธุ์” ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า โรงงานเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโรงงานผลิตอาหาร และสินค้าให้ร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งของยูนิลีเวอร์ ด้วยวิสัยทัศน์ 3T คือ

1.Trust เป็นต้นแบบของโรงงานผลิตอาหารที่ได้รับความไว้วางใจที่เป็นเลิศ 2.Team สร้างทีมที่มีศักยภาพ สร้างขวัญกำลังใจ ตลอดจนดูแลให้มีความสุขเสมือนครอบครัวเดียวกัน และ 3.Taste เป็นต้นแบบที่สร้างความปลอดภัย รวมถึงรักษาคุณภาพของสินค้าที่รักษ์โลกและชุมชน

ADVERTISMENT

“โรงงานแห่งนี้มีความสามารถในการผลิตสูง สามารถผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ ทั้งยังส่งออกผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศได้ โดยปัจจุบันส่งออกไปยัง กัมพูชา ลาว พม่า สิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศโดยรอบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงออสเตรเลีย ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์แบรนด์คนอร์ (Knorr), คนอร์ สำหรับผู้ประกอบการมืออาชีพ (Knorr Professional), เบสท์ฟู้ดส์ (Best Foods), เฮลล์แมนน์ (Hellmann’s) และเลดี้ ชอยซ์ (Lady’s Choice)

เป้าหมายหลักของโรงงานเกตเวย์ที่ไม่เพียงแต่สร้างและส่งมอบผลิตภัณฑ์ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย”

ADVERTISMENT

เพราะความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย คือการทำโรงงานเกตเวย์ให้เป็นโรงงานพลังงานหมุนเวียน 100% จึงเริ่มดำเนินงานภายใต้แผนการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (CTAP) ตัวอย่างความสำเร็จจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเรื่องสภาพภูมิอากาศ ได้แก่

หนึ่ง พลังงานไอน้ำ โรงงานเกตเวย์ได้พัฒนาระบบหม้อต้มเชื้อเพลิงชีวมวล มาผลิตพลังงานไอน้ำเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตและการล้างทำความสะอาดเครื่องจักร แทนการใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ โดยในโรงงานเกตเวย์มีหม้อต้มขนาดใหญ่ 3 ตัน

เริ่มจากในปี 2560 ทีมงานของโรงงานเกตเวย์ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลสำหรับหม้อต้มน้ำของโรงงาน จากกระบวนการนี้ มีความท้าทายเป็นอย่างมากในเรื่องการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดหาแหล่งพลังงานชีวมวลของยูนิลีเวอร์ (Unilever’s Biomass, Biogas & Bioliquids Sourcing Standard)

สอง พลังงานไฟฟ้า โรงงานเกตเวย์ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อให้แน่ใจว่าพลังงานทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% ความมุ่งมั่นนี้รวมถึงการซื้อพลังงานหมุนเวียนจากผู้ที่ได้ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates : RECs) ในประเทศไทย เพื่อทดแทนการปลดปล่อยคาร์บอนจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ 100%

นอกจากนี้ ยูนิลีเวอร์ยังได้ทำหนังสือบันทึกความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์เพื่อทำการศึกษาร่วมกับ กฟผ. ในการหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% มาจัดจำหน่ายให้กับยูนิลีเวอร์

สาม พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนอาคาร (Solar Roof) โรงงานเกตเวย์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยเน้นแสงแดดบนอาคาร สามารถผลิตพลังงานที่สะอาดและยั่งยืนจำนวน 560 กิโลวัตต์ (หรือ 0.56 MWP) เพื่อลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งเชื้อเพลิงที่เป็นแหล่งก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และเพิ่มอัตราการใช้พลังงานหมุนเวียน มาตรการความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในระหว่างการดำเนินการและการปฏิบัติงานที่โรงงานของเรา

สี่ สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรงงานเกตเวย์ให้ความสำคัญในการเลือกใช้สารทำความเย็นในระบบต่าง ๆ ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยยกเลิกการใช้สารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติเป็นก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นสารคาร์โรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) หรือสารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) เช่น R22 R304 และ R407 ซึ่งใช้ในระบบทำความเย็นที่มีปริมาณในระบบมากกว่า 5 กิโลกรัม

“พนิตนาถ” กล่าวด้วยว่า จากความสำเร็จด้านความยั่งยืนเรื่องสภาพภูมิอากาศของโรงงานเกตเวย์ จึงทำให้โรงงานเกตเวย์ได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในโรงงานยูนิลีเวอร์ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในปี 2566 ซึ่งหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญคือ วัฒนธรรมการทำงานของยูนิลีเวอร์ ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในการทำงานเป็นทีมเดียวกัน

ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงร่วมวางนโยบาย แผนงาน สนับสนุน ตัดสินใจทั้งด้านเงินลงทุนและโครงการ ไปจนถึงทีมฝ่ายจัดการ ได้แก่ ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายควบคุมคุณภาพ ฝ่ายผลิต ฝ่ายการเงิน และฝ่ายทรัพยากรบุคคล เป็นต้น

“การมีส่วนร่วม และการสนับสนุนของผู้นำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จ เมื่อผู้นำสนับสนุนความคิดริเริ่ม นำไปสู่การสร้างแรงจูงใจให้กับทั้งทีม และรับประกันความสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรไปพร้อมกัน นอกจากนั้น เราใช้กลไล ‘หนึ่งแผน หนึ่งทีม หนึ่งเป้าหมาย’ ที่เน้นความสามัคคี และการวางแนวทาง

เมื่อทุกคนทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน จะช่วยลดความพยายามและลดความสับสนให้เหลือน้อยที่สุด เพราะเราเชื่อว่าการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกันในทีมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และประสิทธิภาพของทีมในที่สุด”

โรงงานเกตเวย์ของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ไม่เพียงเน้นย้ำถึงความสำคัญของความยั่งยืน แต่ยังชี้ให้เห็นถึงพลังของการแบ่งปันความรู้ และความพยายามในการทำงานร่วมกันภายในองค์กร ด้วยการเรียนรู้ และการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด

ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยโรงงานมีนบุรีและองค์กรต่าง ๆ ที่สนใจสามารถศึกษาความสำเร็จนี้ผ่านบทเรียนจากการดำเนินงานของโรงงานเกตเวย์ เพื่อปูทางสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้น