
เอสซีจีแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2567 ดีขึ้นต่อเนื่อง สินค้าหมวดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มียอดขาย 54% ของยอดขายรวม เพิ่มความฟิตผ่าน 5 กลยุทธ์มุ่งสู่ Inclusive Green Growth
วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จํากัด (มหาชน) หรือเอสซีจี (SCG) แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 โดยนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ เอสซีจีเร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจด้วยการสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน 5 ด้าน นอกจากนั้น ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนขยะพลาสติกปริมาณกว่า 200,000 ตันต่อปี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที่มีมูลค่า ภายในปี 2573 รวมถึงเน้นเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทน และส่งปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดโลก
ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจ ปรับตัวดีขึ้น
นายธรรมศักดิ์กล่าวว่า ผลประกอบการเอสซีจีในไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของ “เอสซีจี เคมิคอลส์” นอกจากนั้น กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้ 252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายตามกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ เอสซีจี เคมิคอลส์ ร้อยละ 39 เอสซีจีพี ร้อยละ 27 เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ร้อยละ 16 เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงและเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ร้อยละ 13 และเอสซีจี เดคคอร์ ร้อยละ 5
แม้เอสซีจีได้รับผลกระทบจากวัฏจักรปิโตรเคมีโลกยังอยู่ในช่วงขาลง ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีน เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้า จากกำลังซื้อที่อ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย
การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดขาย 111,367 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44 ของยอดขายรวม
“ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความท้าทายต่อเนื่อง แต่เอสซีจีพร้อมรับมือครึ่งปีหลังของปี 2567 ด้วยความคล่องตัวและมั่นคง มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 78,907 ล้านบาท รวมทั้งนวัตกรรมโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร” นายธรรมศักดิ์กล่าว
5 กลยุทธ์ มุ่งสู่ Inclusive Green Growth
เอสซีจีเร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในประเทศโตช้าและกระจุกตัว
1) บริหารต้นทุนพลังงาน อาทิ ธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ร้อยละ 47
2) โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น มุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัย โรงงานและนิคมอุตสาหกรรม
3) ปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับสินค้า ช่วยลดเวลาทำงาน ลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับ-ส่ง
4) ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชั่น AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) ถึงร้อยละ 100
5) มุ่งส่งมอบโซลูชั่นที่ฟังก์ชั่นและราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ CPAC รถโม่เล็ก ขนาดกะทัดรัด สำหรับงานก่อสร้างในเมืองที่มีซอยเล็ก บรรทุกคอนกรีตได้มากสุด 2 คิวต่อเที่ยว ช่วยบริหารปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้ง่าย ลดการเหลือทิ้ง
หมวดสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมยอดขายสูงสุด
หากแบ่งยอดขายตามสัดส่วนของประเภทสินค้า ในครึ่งปีแรกของปี 2567 เอสซีจีมียอดขายตามหมวดสินค้าต่าง ๆ ดังนี้
- สินค้าใหม่ (New Products Development-NPD) มียอดขาย 38,690 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของยอดขายรวม แทนที่จะพึ่งพาการพัฒนาจากภายในเพียงอย่างเดียว เอสซีจีเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพที่มีไอเดียน่าสนใจ เข้ามาเสนอไอเดียเพื่อร่วมพัฒนาไอเดียให้ใช้ได้จริง
- สินค้านวัตกรรมและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services-HVA) มียอดขาย 77,037 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม HVA คือ สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม ด้วยการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการไม่หยุดคิดค้นพัฒนาสินค้าและบริการ ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากเทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้เทรนด์ด้านพลังงานเปลี่ยนไป ตลอดจนความใส่ใจในความยั่งยืน
- สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 136,124 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของยอดขายรวม ทั้งนี้ SCG Green Choice คือสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานของ SCG ที่ให้ความสำคัญใน 3 ปัจจัยหลัก คือ ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน (Climate Resilience) ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน (Circularity) ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี (Well-Being)
ดันปูนลดคาร์บอนเจน 2
เอสซีจี โดย Cement and Green Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยอย่างยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่ “Net Zero Cement & Concrete 2050”
“เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชั่น” เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชั่น 2 ซึ่งสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิม โดยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย
ซึ่งได้สร้างความมั่นใจในคุณภาพการใช้งานจนสามารถส่งออกสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน ล่าสุด เปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกในเวียดนาม “SCG Low Carbon Super Cement” ขณะที่ในไทยตลาดโตต่อเนื่อง สัดส่วนการใช้ทดแทนปูนแบบเดิมกว่าร้อยละ 86
พร้อมหนุนงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ออกปูนซีเมนต์หลากหลายรุ่น คุณภาพและราคาเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น เช่น แบรนด์ “5 STAR” ในกัมพูชา แบรนด์ “BEZT” ในอินโดนีเซีย แบรนด์ “ADAMAX” ในเวียดนาม และแบรนด์ “แรด” ในไทย
รีไซเคิลขยะพลาสติก 2 แสนตัน/ปี
เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) แม้ไตรมาสที่ผ่านมาธุรกิจมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น จากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอ่อนตัว จากความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง ขณะที่มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มมากขึ้น
นายธรรมศักดิ์กล่าวว่า SCGC เร่งผลักดันนวัตกรรมรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMERTM สู่ตลาดที่มีความต้องการมาก อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ล่าสุดร่วมกับ Dow พัฒนาธุรกิจรีไซเคิลพลาสติกตลอดห่วงโซ่คุณค่าเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนขยะพลาสติกปริมาณกว่า 200,000 ตันต่อปี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที่มีมูลค่า ภายในปี 2573
ดีมานด์พลังงานแสงอาทิตย์มีเพิ่มขึ้น
ธุรกิจน้องใหม่ “เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่” เติบโตได้ดีตามแผน มุ่งเพิ่มสัดส่วนการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง โดยครึ่งปีแรกของปี 2567 มีกำลังการผลิตรวม 522 เมกะวัตต์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จับมือซีเกท ประเทศไทย ลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้า Solar Rooftop ขนาด 20.96 เมกะวัตต์ ณ โรงงานซีเกท จังหวัดนครราชสีมา
สำหรับแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด Rondo Heat Battery อยู่ระหว่างการก่อสร้างยูนิตแรกของโลกสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ที่โรงงานปูนซีเมนต์เอสซีจี จ.สระบุรี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2568 ซึ่งจะสามารถเป็นต้นแบบสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมต่อไป
ห่วงโซ่อุทานเติบโตไปพร้อมกัน
นายธรรมศักดิ์กล่าวปิดท้ายว่า เอสซีจีตระหนักถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่กระทบความเป็นอยู่ของผู้คนในวงกว้าง จึงร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี เตรียมจัดโครงการ Go Together ให้ความรู้ สร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs โดยเริ่มจากโรงงานสระบุรี พร้อมขยายผลไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่เอสซีจีมีโรงงานตั้งอยู่ เช่น กาญจนบุรี ลำปาง ขอนแก่น นครศรีธรรมราช เป็นต้น
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงและนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน นำของเหลือใช้มาสร้างประโยชน์ เช่น แปรรูปเป็นวัตถุดิบ เชื้อเพลิง รวมทั้งใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ขณะที่ “มูลนิธิเอสซีจี” ส่งเสริมแนวคิด LEARN to EARN เรียนรู้เพื่ออยู่รอด เน้นการเรียนรู้เพื่อมีงานทำ โดยมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนทั้งในระบบและนอกระบบ ประมาณ 3,000 ทุนต่อปี ในสาขาที่ตอบโจทย์ตลาด เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ เป็นต้น โดยกว่าร้อยละ 90 มีงานทำ