“ทีซีพี” ส่งเสริม NARIT เปิดประตู “สำรวจดวงจันทร์”

หลังจากความสำเร็จในการสำรวจดวงจันทร์ในยุคโครงการ Apollo ปี 1961-1975 ที่มีเป้าหมายสำคัญเป็นการแข่งขันแสดงศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างชาติมหาอำนาจ กระแสการเดินทางไปดวงจันทร์ก็กลับมาอีกครั้งในปัจจุบัน สาเหตุหลักมาจากการค้นพบสารประกอบน้ำบนดวงจันทร์ในปี 2008 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่ว่า การสำรวจดวงจันทร์เป็นการเปิดประตูสู่การ “สำรวจอวกาศห้วงลึก” ให้กับมนุษย์

ที่ผ่านมาประเทศต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในการสำรวจอวกาศกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายบริษัทเอกชนที่จะมีภารกิจเยือนดวงจันทร์อีกด้วย ซึ่งประเทศไทยก็ให้ความสนใจกับการสำรวจดวงจันทร์

จึงได้มีการตั้งภาคีความร่วมมืออวกาศไทย (Thai Space Consortium : TSC) ในปี 2021 ที่เป็นการรวมตัวของหน่วยงานวิจัยวิทยาศาสตร์ชั้นนำของประเทศ และสถาบันอุดมศึกษา รวม 14 หน่วยงาน นำโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT)

หนึ่งในเป้าหมายของโครงการ TSC คือการสร้าง “ดาวเทียมสำรวจดวงจันทร์” ด้วยเทคโนโลยีฝีมือคนไทย เพื่อบุกเบิกการวิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมขั้นสูง ด้วยการสนับสนุนของ “กลุ่มธุรกิจ TCP”

ประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการวิจัยวิทยาศาสตร์และระดับโลกของจีน นำโดยองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) รวมทั้งได้ร่วมลงนามกับห้องปฏิบัติการสำรวจห้วงอวกาศลึก (Deep Space Exploration Lab หรือ DSEL) ของ CNSA เป็นความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสำรวจอวกาศเชิงลึก

ภายใต้โครงการสถานีวิจัยบนดวงจันทร์นานาชาติ (International Lunar Research Station หรือ ILRS) ในปีที่ 2023 เพื่อสนับสนุนโครงการสำรวจดวงจันทร์ระดับแถวหน้าอย่าง “ฉางเอ๋อ” ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ในการนำเอาตัวอย่างจากดวงจันทร์กลับโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของประเทศจีน

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ โครงการฉางเอ๋อ 7 มีกำหนดขึ้นสู่อวกาศภายในปี 2026 โดยจะมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรไทยเดินทางไปด้วย คือ “MATCH” หรือ Moon-Aiming Thai-Chinese Hodoscope เพื่อตรวจวัดอนุภาคพลังงานสูงภายใต้รังสีคอสมิก (Cosmic Ray) ในอวกาศ และศึกษากิจกรรมที่เกี่ยวข้องจากผลกระทบระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา

“ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ประธานคณะกรรมการบริหารภาคีความร่วมมืออวกาศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือกับ CNSA ทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูงได้เอง และใช้งานในอวกาศได้จริง ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ไทย-จีน

ADVERTISMENT

ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์ ตรรกะการออกแบบอุปกรณ์สำหรับอวกาศยานในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศยานนี้จะช่วยให้มนุษย์ได้ค้นพบความรู้ใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์ และสามารถต่อยอดในการสร้างนวัตกรรมอีกมากมาย ที่ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงบนโลกได้

“การไปถึงจุดหมายปลายทางได้นั้น ต้องมีการร่วมมืออย่างบูรณาการ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนโครงการให้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีศักยภาพ โดยกลุ่มธุรกิจ TCP ได้ให้ความสำคัญในการวิจัย พัฒนา การสร้างนวัตกรรม และเทคโนโลยีอวกาศยาน”

การพัฒนาเครื่องวัดอนุภาคพลังงานสูงในอวกาศ หรือรังสีคอสมิก (Cosmic Ray) เพื่อติดตามผลกระทบของสภาพอวกาศที่มีต่อโลก จะส่งผลต่ออุตสาหกรรม 5 ด้านหลักของไทยที่ได้รับผลกระทบจาก Solar Activity โดยตรงคือ

1.ระบบดาวเทียมในทุกพันธกิจ โดยเฉพาะระบบดาวเทียมนำร่องในงานด้านโลจิสติกส์ ระบบบริหารเวลาแม่นยำ

2.อุตสาหกรรมการบินของประเทศ ในด้านวิทยุการบิน ระบบนำร่องเครื่องบินพาณิชย์

3.อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เนื่องจากคุณภาพของ Solar Cell ขึ้นอยู่กับอนุภาคพลังงานสูงในอวกาศ

4.เสถียรภาพด้านสายส่งไฟฟ้ากำลังงานสูง การมีข้อมูลผู้เชี่ยวชาญด้าน Space Weather จะทำให้สามารถสร้างแบบจำลองการแจ้งเตือนภัยต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้

และ 5.ระบบสื่อสารดาวเทียมภาคพื้นของประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบในวงกว้างต่อกิจกรรมของมนุษย์ เนื่องจากการสื่อสารเป็นปัจจัยหลักในทุกมิติ

สราวุฒิ อยู่วิทยา
สราวุฒิ อยู่วิทยา

“สราวุฒิ อยู่วิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ TCP เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยกันผลักดันงานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศยาน ซึ่งจะนำความก้าวหน้ามาสู่การสรรค์สร้างนวัตกรรมในหลากหลายอุตสาหกรรม

“เราจึงให้การสนับสนุน NARIT ในการพัฒนาขีดความสามารถของนักวิจัยไทย เพื่อให้เข้าถึงองค์ความรู้ด้านอวกาศห้วงลึกจากองค์กรด้านอวกาศชั้นนำของโลก และนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นอวกาศยานจากฝีมือคนไทยต่อไป

รวมถึงสนับสนุนการนำดินดวงจันทร์จากฉางเอ๋อ 5 มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในไทย ในบูทนิทรรศการ Empowering Thailand through FRONTIER RESEARCH presented by TCP Group จัดโดย NARIT ในงาน อว.แฟร์ : SCI-POWER FOR FUTURE THAILAND ให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

นับเป็นการปลุกพลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่มีใจรักวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาเรียนรู้ และเข้าใจว่าดาราศาสตร์ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว และงานวิจัยจากอวกาศสามารถนำไปสู่วันที่ดีกว่าได้