
เมื่อไม่นานนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ FTSE Russell (ฟุตซี่ รัสเซล) ของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSEG) เพื่อนำกรอบการให้คะแนนความยั่งยืนใหม่มาใช้กับบริษัทจดทะเบียนของไทย แทนที่การจัดอันดับ SET ESG Rating ที่มีอยู่ โดยมุ่งหวังที่จะปรับปรุงมาตรฐานการรายงานความยั่งยืน ทั้งนี้ เริ่มการประเมินนำร่องในปี 2567-2568 และจะประกาศผลคะแนน ESG สู่สาธารณะตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป
ปัจจุบันการจัดอันดับ ESG สำหรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของ SET เป็นแบบสมัครใจ โดยใช้วิธีการตอบแบบประเมินความยั่งยืน แต่การให้คะแนน ESG Data Model ของ FTSE Russell เน้นการประเมินจากข้อมูลที่ บจ.เปิดเผยสู่สาธารณะ (Public Disclosures) ซึ่งเป็น Methodology ที่ใช้ประเมินกว่า 8,000 หลักทรัพย์ทั่วโลก สร้างความเชื่อมั่นพร้อมดึงดูดความสนใจผู้ลงทุน และสามารถเปรียบเทียบผลประเมินกับบริษัททั้งในและต่างประเทศด้วยมาตรฐานเดียวกัน
ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เป็นส่วนหนึ่งของกรอบการประเมินการดำเนินงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ FTSE Russell ใช้ โดยครอบคลุม 14 ธีม เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินผลกระทบของบริษัทจากการปล่อยคาร์บอน การใช้พลังงาน และการจัดการขยะ ด้านสังคม ประเมินวิธีที่บริษัทจัดการความสัมพันธ์กับพนักงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า และชุมชนที่บริษัทดำเนินงาน
ซึ่งรวมถึงมาตรฐานแรงงาน สุขภาพและความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมของชุมชน และด้านธรรมาภิบาล พิจารณาถึงความเป็นผู้นำของบริษัท เงินเดือนผู้บริหาร การตรวจสอบ การควบคุมภายใน และสิทธิของผู้ถือหุ้น
โดยในระดับโลกจะมีการใช้ตัวชี้วัดต่าง ๆ มากกว่า 300 ตัวชี้วัด ขณะที่บริบทและลักษณะธุรกิจในประเทศไทยจะใช้ตัวชี้วัดเฉลี่ยที่ราว 140 ตัวชี้วัด
สำหรับการให้คะแนน บริษัทต่าง ๆ จะได้รับคะแนน ESG โดยรวม ซึ่งแบ่งออกเป็นคะแนนสำหรับแต่ละเสาหลักและธีม ระบบการให้คะแนนนี้ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงการเปิดรับและการจัดการปัญหา ESG ของบริษัทด้วย และช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้
อย่างไรก็ตาม ช่วงนำร่อง 1-2 ปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการประเมินทั้ง 2 มาตรฐาน คือ SET ESG Rating และ FTSE Russell ESG Scores โดยยังไม่มีการเผยแพร่ผลประเมิน FTSE Russell ESG Scores เพื่อเปิดโอกาสให้ทาง บจ.ปรับตัวและแก้ไข
“ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า SET ได้ศึกษาแนวทางการประเมิน ESG สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทยมาตั้งแต่ปี 2565 และมุ่งพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
“ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศของตลาดทุนไทยสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน และสามารถพัฒนาการดำเนินงานด้าน ESG ได้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล ยังช่วยลดภาระการตอบแบบประเมินความยั่งยืนแก่ บจ. ขณะเดียวกันผู้ลงทุนยังสามารถเปรียบเทียบผลประเมินกับบริษัททั้งในและต่างประเทศได้ด้วยมาตรฐานเดียวกัน”
นอกจากนี้ FTSE Russell ยังมีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ Code of Conduct สากล โดย FTSE ESG Data Model ถูกกำกับดูแลโดยคณะกรรมการอิสระ ซึ่งประกอบด้วยภาคธุรกิจ ผู้ลงทุน NGOs และนักวิชาการ แนวทางและวิธีการประเมินจึงสะท้อนมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย