บ้านร่วมทางฝัน “เสนา” สร้างคอนโด กำไร 70 ล้านบริจาคโรงพยาบาล

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์

ตอนนั้น คุณพ่อ (ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) ป่วยเป็นมะเร็ง จึงต้องไปดูแลที่โรงพยาบาลศิริราชร่วมปี ทำให้เห็นชีวิต เห็นความขาดแคลนอุปกรณ์การรักษา และเห็นคนที่เข้ามาใช้บริการจากทุกสารทิศ ทำให้รู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือเรื่องทรัพยากรเหล่านี้ “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เริ่มบทสนทนากับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความเป็นมาของโครงการ “บ้านร่วมทางฝัน”

“บ้านร่วมทางฝัน” เริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 โดยมอบกำไรทั้งหมดจากการทำโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ให้กับโรงพยาบาลรัฐ เพื่อสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ผ่าน “มูลนิธิร่วมทางฝัน”

ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของ นายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ที่ต้องการช่วยเหลือโรงพยาบาลรัฐ จากประสบการณ์ที่ต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานานที่โรงพยาบาลศิริราช และเห็นผู้ป่วยจำนวนมากที่เข้ารับการรักษาทุกวัน

ผศ.ดร.เกษรากล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะบริจาคอย่างไรให้ยั่งยืน เพราะการบริจาคเงินขององค์กรมีข้อเสีย คือ มักจะไม่ต่อเนื่อง และเป็นการบริจาคที่ทำอยู่ไม่กี่คน มีการตั้งงบประมาณ ซื้อของ แล้วก็จบไป

การบริจาคนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เสนาอยากทำอะไรที่ยั่งยืน ซึ่งหมายถึง ทำให้ได้ต่อเนื่องและเกิดจากความร่วมมือกันของคนในองค์กร “ความรู้สึกของการอยากให้ อาจแรงกว่าความรู้สึกอยากบริจาค”

คุณพ่อจึงเริ่มทำจากสิ่งที่ถนัดที่สุด นั่นคือการขายอสังหาริมทรัพย์และนำกำไรที่ได้ไปมอบให้การกุศล ซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ จะเหมือนโครงการจัดสรรปกติทั่วไป เพียงแต่จะมีชื่อพิเศษ คือ “บ้านร่วมทางฝัน”

ADVERTISMENT

“ความต่อเนื่องที่ดีของบ้านร่วมทางฝัน คือเราไม่ได้คิดว่าเราจ่ายเงิน เราคิดว่าเราทำงานไปเรื่อย ๆ และเงินที่ได้มาจากโครงการนั้นก็นำไปบริจาค ดังนั้น ตั้งแต่แรกที่เราซื้อที่ดิน เราจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้กำไรจากโครงการที่จะขาย นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ยั่งยืน”

มูลนิธิร่วมทางฝัน ตั้งเป้าบริจาคเงินให้โรงพยาบาลรัฐรวม 460 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้มอบเงินบริจาคให้แก่โรงพยาบาลภาครัฐ 4 แห่ง ไปแล้ว รวมเป็นเงิน 190 ล้านบาท ได้แก่ “บ้านร่วมทางฝัน 1 ลำลูกกา คลอง 2” บริจาค 40 ล้านบาท เพื่อสร้างห้อง ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และพื้นที่รับรองญาติผู้ป่วย รวมถึงทุนสนับสนุนทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลศิริราช ในปี 2548

ADVERTISMENT

“บ้านร่วมทางฝัน 2 ลำลูกกา คลอง 4” บริจาค 40 ล้านบาท จัดทำศูนย์ฟอกไต และจัดซื้อเครื่องมือแพทย์สำหรับศูนย์ศัลยกรรมประสาทและศูนย์โรคหัวใจ ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ ในปี 2553

“บ้านร่วมทางฝัน 3 คลองหลวง” บริจาค 70 ล้านบาท สนับสนุนโครงการผู้ป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด รถพยาบาล และสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในปี 2555

“บ้านร่วมทางฝัน 4 เพชรเกษม-บางแค” บริจาค 40 ล้านบาท จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ในปี 2563

โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วง บ้านร่วมทางฝัน 5 ซึ่งตั้งใจมอบเงินจำนวน 200 ล้านบาท จากการซื้อที่ดินและนำไปขายต่อเพื่อนำรายได้มอบให้ 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลสงขลานครินทร์, โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลศิริราช

รวมถึง บ้านร่วมทางฝัน 6 ซึ่งตั้งใจจะมอบเงินจำนวน 70 ล้านบาท จากโครงการคอนโดมิเนียม Hi Rise สูง 19 ชั้น จำนวน 354 ยูนิต ติดถนนบรมราชชนนี (ซอย บรมฯ 16) ให้แก่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยอยู่ในระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2569

ผศ.ดร.เกษรากล่าวว่า ข้อดีของบ้านร่วมทางฝันคือทุกคนได้ร่วมกันจริง ๆ เมื่อเสนาขายบ้านหรือคอนโดฯ แสดงว่าทุกส่วนงานต้องทำ ตั้งแต่ซื้อที่ดิน ถมดิน ทำบัญชี ตั้งราคา ทุกฝ่ายในองค์กรต้องทำทั้งหมด จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกคนในองค์กรอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับซัพพลายเออร์ในการทำโปรเจ็กต์ด้วย เมื่อซัพพลายเออร์รู้ว่าได้ร่วมกันทำบุญ ราคาสินค้าที่เสนาได้ก็อาจจะถูกลงบ้าง ซึ่งนั่นหมายถึงกำไรที่มอบให้โรงพยาบาลจะเพิ่มขึ้น

“เราขายไปหลายพันยูนิต ตั้งแต่หมู่บ้าน ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว และคอนโดฯ ซึ่งลูกค้าทุกคนรับรู้ว่าบ้านที่อยู่มาจากวิธีคิดนี้ เสนาจะให้ลูกค้ารู้ว่าคุณคือคนที่ทำให้ได้บริจาค”

ผศ.ดร.เกษรากล่าวว่า ในฐานะคนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายที่จะตัดสินใจสร้างตึกสูง 19 ชั้น ด้วยความตั้งใจว่าจะนำกำไรไปบริจาค อย่างที่ทราบกันว่าขณะนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ก็ไม่ใช่สภาวะที่ง่าย

ปกติถ้าเป็นโครงการแนวราบ สามารถทำไปสร้างไปได้ บ้านร่วมทางฝัน 6 จึงเป็นร่วมทางฝันที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งเพราะเป็นตึกสูง และบ้านร่วมทางฝันไม่เคยทำตึกสูงมาก่อน และตอนนี้ตึกสูงก็หยุดสร้างกันเป็นจำนวนมาก แต่เสนากลับตัดสินใจสร้างตึกสูงขณะที่กำไรทั้งหมดนำไปบริจาค รายได้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ ขณะที่ใช้เงินและแรงในการสร้างเท่าปกติ

“ไม่ง่ายเลยในการตัดสินใจขึ้นตึกสูงเวลานี้ และต้องขายหลายร้อยห้อง ในเวลาปกติก็ไม่ยากหรอกกับการตัดสินใจ แต่เวลานี้แล้วยังยืนหยัดบริจาคเงินก้อนใหญ่ เป็นภาวะที่สะท้อนกับวิธีคิดจริง ๆ ต้องอาศัยความยั่งยืนในรูปแบบหนึ่ง แต่เราก็ตัดสินใจไม่นานนะ…

โรงพยาบาลเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าเราจะหยุด แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังและความหนักแน่นของบริษัทต่อเรื่องนี้ ในสภาวะที่ไม่ดีแบบนี้ ต้องมีคนที่ลำบากอีกมาก ยิ่งต้องทำ”