
ปัจจุบันเอไอถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มาแรงอย่างมาก ถือเป็นความก้าวกระโดดของเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือที่ช่วยเอื้ออำนวยให้การทำงานง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในความง่ายนั้นต้องแลกมากับทรัพยากรที่ถูกทำลายเนื่องจากกระบวนการทำงานที่บริโภคพลังงานอย่างหนักหน่วงและมีแต่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ในปีนี้ บางจากฯจัดงานสัมมนา Greenovative Forum ครั้งที่ 14 ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ร่วมกับสำนักข่าว The Standard เปิดเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองใหม่ ๆ ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านพลังงาน เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม ชวนตระหนักถึงประเด็นที่ควรให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการผลักดันผ่านการร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมสร้างสังคมที่สมดุลและยั่งยืน
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกเล่าถึงการนำประโยชน์ของเอไอมาใช้ภายใต้ความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
เอไอสร้าง Productivity
ชัยวัฒน์ ชวนให้นึกย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีก่อน ในสมัยที่คนยังจดบันทึกด้วยสมุดและกระดาษ ในการทำงานแต่ละวันสำเร็จลุล่วงได้ 1-2 งานถือเป็นจำนวนที่ดีมากแล้ว ภายหลังจากนั้น การมาถึงของพิมพ์ดีด คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การทำงานมี Productivity มากขึ้น
ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีการพิสูจน์แล้วว่า เอไอสามารถช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีมากขึ้น รวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แต่ปัญหาคือ การทำงานของเอไอ ในส่วนของ GPU มีการใช้พลังงานมากขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น Data Center 1.0 ใช้ไฟจำนวน 5 MW แต่ Data Center 3.0 AI ใช้ไฟฟ้าราว ๆ 300-1,000 MW สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ Open AI Data Center ที่มีการใช้ไฟ 5 GW เทียบเท่ากับโรงกลั่นของบางจาก 1 โรง ใช้พื้นที่ราว ๆ 2 ล้าน ตร.ม. หรือเทียบเท่าตึก One Bangkok
ณ วันนี้ ไฟที่ใช้สำหรับ Data Center ทั่วโลก ใช้ไฟราว ๆ 130% ของกรุงเทพฯ หรือเทียบเท่า 70 tWh หากทุกคนใช้เอไอ จะใช้ไฟราว ๆ 85,00 tWh ปัญหาที่ตามมาคือ ระบบหล่อเย็นที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อทรัพยากรโลก เช่น น้ำและพลังงาน ทำให้ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติมากขึ้น หรือพลังงานนิวเคลียร์จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
“หากมีการแปรฟอร์มการกักเก็บเป็น DNA Data Storage ที่มีขนาดกะทัดรัดและทนทานสูง ช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิม เมื่อเปลี่ยนแล้วจะเป็นการช่วยโลกใบนี้ได้หรือไม่ ?” ชัยวัฒน์ตั้งคำถามทิ้งท้าย
โกลบอลกริด สายส่งเชื่อมโลก
ชัยวัฒน์บอกเล่าเพิ่มเติมว่า ต้องเข้าใจว่าแหล่งพลังงานมีต้นกำเนิดคนละจุดกับแหล่งใช้พลังงาน จะทำอย่างไรให้โซลาร์มีความเสถียร เป็นจุดก่อกำเนิดพลังงานใหม่ที่มั่นคงได้ โดยได้ยกตัวอย่างถึงนานาประเทศบนโลกว่า หลายประเทศมีการใช้พลังงานน้ำอย่างแพร่หลาย
และยังมีการใช้ความร้อนใต้พิภพในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน แบบที่สูบขึ้นมาแล้วนำกลับลงไปสร้างพลังงานใหม่ได้ แต่ท้ายที่สุดพลังงานเหล่านั้นสามารถใช้ได้เพียงเฉพาะประเทศที่อยู่ในโอเอซิส
“นอกเหนือจากการหาทรัพยากรเพิ่มเติมแล้ว พลังงานก็เหมือนกับโครงข่ายอินเทอร์เน็ต หากมีการส่งสัญญาณผ่าน Global Grid ได้ ผ่านการออกแบบเป็นใยแก้วที่สามารถลดการสูญเสียในการขนส่ง จะสามารถส่งกระแสไฟไปได้ทั่วโลก หากสามารถส่งพลังงานธรรมชาติเหล่านี้ไปยังพื้นที่ที่ถูกต้อง ตรงเวลา ถือเป็นทางเลือกที่ดี”
ไลฟ์สไตล์ช่วยเปลี่ยนโลกได้จริง
หากเรายอมรับความจริงได้ว่า การเปลี่ยนผ่านไม่สามารถเปลี่ยนได้ในข้ามคืน สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรถึงจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ จำนวนประชากรเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ต้องมีการเตรียมรับมือเพื่อให้ทรัพยากรมีเพียงพอ Self Consciousness เป็นสิ่งสำคัญ ไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตของมนุษยชาติบนโลกใบนี้สามารถช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืนได้
ชัยวัฒน์กล่าวถึงมุมของความคาดหวังต่อเอไอว่า เอไออาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ก็ยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร เนื่องจากปัจจุบันเอไอยังไม่สามารถ Generate ได้ด้วยตัวเอง
“เอไอเป็นเครื่องมือที่หิวโหยทรัพยากรเยอะมาก ๆ เราจะใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ธรรมชาติ ดีเอ็นเอ โครโมโซมของมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญ ของทุกอย่างบนโลกมีต้นทุน มีราคา ต้องตระหนักถึงความเหมาะสมและคุ้มค่า”
เอไอ ปฏิวัติอุตสาหกรรม
ณ ตอนนี้ บางจากอยู่ใน Trial Mode ในการเพิ่มคุณค่าแก่ผู้บริโภค มีกลุ่มงานธุรกิจเงินร่วมลงทุนในสตาร์ตอัพทั่วโลก (CVC) ที่ติดตามเรื่องคลีนเทค ไคลเมตเทค ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเข้ามาของพลังงานนิวเคลียร์อย่างแน่นอน และการจะอยู่ร่วมกับพลังงานใหม่ ๆ อย่างยั่งยืนได้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและติดตามกันต่อไป ซึ่งในส่วนของประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)
ชัยวัฒน์บอกเล่าถึงทางเลือกเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถใช้เอไอได้อย่างสนุกมากขึ้น โดยเน้นย้ำถึงเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ที่มีความคาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาได้ด้วยตัวมันเอง และจะใช้พลังงานน้อยลงในอนาคต
ในส่วนของเอไอ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก แต่เครื่องจักรยังคงเป็นรุ่นน้ำมันเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งอาจต้องใช้การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโค้ดดิ้งจาก Binary Code เป็น ACGT หรือแปรฟอร์มเป็น DNA Data Storage และอื่น ๆ ที่อาจช่วยให้ลดการบริโภคเชื้อเพลิงและทรัพยากรธรรมชาติมีความยั่งยืนมากขึ้นต่อไปในอนาคต