หาดทิพย์-โค้กภาคใต้ โรงงานสุดล้ำ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ครั้งแรกกับการเปิดโรงงานของ “หาดทิพย์” ผู้ผลิตโคคา-โคลา ใน 14 จังหวัดภาคใต้ โชว์การผลิตขวดแก้วสุดล้ำ ไม่ทิ้งความยั่งยืน พร้อมโชว์ฝาใหม่รักษ์โลก ที่ผลิตได้เองโรงงานแรกในเอเชีย

บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ “โคคา-โคลา” แสดงศักยภาพผู้นำตลาดเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้ ตอกย้ำพันธกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจคู่ไปกับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนตลอด 55 ปี

การเปิดโรงงานครั้งนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่เน้นยั่งยืน สร้างสมดุลในเรื่องของประชาชน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมสร้างความอุดมสมบูรณ์ตามหลัก ESG ด้วยปรัชญา “หาดทิพย์เคียงข้างชาวใต้” ยามทุกข์เคียงข้าง ยามสุขผูกพัน ด้วยพนักงานกว่า 2,500 คนคือครอบครัวเดียวกัน

โรงงานอยู่ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี บนพื้นที่ 315 ไร่ เริ่มเปิดปี 2556 เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและบริการในภาคใต้ตอนบน ภายในโรงงานประกอบด้วยสายการผลิตที่ทันสมัย 6 สายที่ได้มาตรฐานโลก และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

ล่าสุด กำลังก่อสร้างบ้านพักพนักงานและคลังสินค้าใหม่ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เน้นใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์ พื้นที่เก็บสะสมน้ำเพื่อนำมาใช้ซ้ำ อาคารประหยัดพลังงานด้วยระบบระบายอากาศ แสงแดดส่องถึงได้ ประหยัดไฟ ECOBLOK จากวัสดุรีไซเคิล 50% คาดเปิดใช้ในไตรมาส 2 ปี 2068

ทั้งยังมีพลังงานหมุนเวียนเพิ่มด้วยโซลาร์ 9,148 แผง และ Solar Fold รองรับพลังงานได้ 19% ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3,000 ตัน/ปี ตั้งเป้า 2068 ติดเพิ่มเป็น 2,686 แผง จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกอีก 28%

“จอห์น เบเนเดตตี” รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส ซัพพลายเชน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความยั่งยืนต้องมีการวัดผล โดยจัดทำแดชบอร์ดข้อมูลด้านความยั่งยืนที่สามารถตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ โดยแสดงผลทั้ง 3 สโคป ได้แก่ เชื้อเพลิง (Fuel) การใช้ไฟฟ้า (Electric) และทางอ้อมอื่น ๆ (OS Material)

บริษัทมีการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมทุกปี เพื่อพัฒนางาน และขอรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยปี 2567 ได้ขอการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพรินต์ของหน่วยสินค้า 83 ประเภท

“นันทิวัต ธรรมหทัย” รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บมจ.หาดทิพย์ ย้ำว่า เราขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่าน 4 มิติ ได้แก่ ส่งเสริมบุคลากรด้านความรับผิดชอบต่อสังคมตามหลักธรรมาภิบาล, การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน, ลดการใช้น้ำในการผลิต,

มีโครงการ UF Recover Backwash โดยเปลี่ยนมาใช้ไส้กรอง Ultrafiltration สามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อปรับเสถียรในพื้นที่ 26 ไร่ ซึ่งใช้พลังงานต่ำ โดยใช้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic) ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย

โดยร่วมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการใช้พลังงานสะอาด ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารผลิต และแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ 9,000 แผง และเน้นใช้พลังงานทดแทน เช่น เพิ่มใช้รถยกไฟฟ้าในคลังสินค้า ใช้รถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิง NGV ติดตั้งหม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิง LPG นำระบบหมุนเวียนความร้อนกลับมาใช้ใหม่

ส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนด้วยนวัตกรรม เพื่อลดปริมาณและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์, หาดทิพย์ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อลดพลาสติก ใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ และนำบรรจุภัณฑ์กลับมาแปรรูปใช้ใหม่

เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2567 ได้เปิดสายการผลิตขวดแก้วใหม่ เพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน มีกำลังการผลิต 800 ขวดต่อนาที ผลิตได้ทั้งขวดแก้วชนิดคืนขวดและไม่คืนขวด

สายการผลิตขวดแก้วใหม่นี้ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของหาดทิพย์ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

โดยเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร และภัตตาคารในภาคใต้ ซึ่งผู้บริโภคนิยมดื่มภายในร้าน มั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์ของหาดทิพย์มีศักยภาพสูงกว่าคู่แข่ง และช่วยบริหารต้นทุนในระยะยาวได้ดี

นอกจากขวดแก้วใหม่แล้ว ได้ออกแบบลังบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการกระแทก ทำให้ขวดแก้วใช้งานได้นานขึ้น
รวมทั้งใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

“ฝาใหม่” ถือเป็นโรงงานแรกในเอเชียที่ปรับปรุงฝาขวดพลาสติก ลดการใช้พลาสติก ซึ่งฝาใหม่นี้เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ด้วยการปรับขนาดปากขวดและฝา โดยลดปริมาณพลาสติกลงได้ถึง 0.64 กรัม และช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 2 พันตัน/ปี

ส่วนบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ใช้ rPET Resin จากการเก็บขวดกลับในพื้นที่ โดยร่วมกับพันธมิตรในการจัดเก็บขวดพลาสติกและกระป๋องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

ทั้งร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ อาทิ แคมเปญ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชคกับ Trash Lucky ในภูเก็ตและสงขลา สร้างรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยกัน

ทั้งหมดคือก้าวสำคัญที่สะท้อนซัพพลายเชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น และลดผลกระทบด้านทรัพยากร เพื่ออนาคตยั่งยืนในภาคใต้ของยักษ์หาดทิพย์