
ปีแห่งความท้าทาย 2568 ปัจจัยด้านสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศส่งผลให้ทุกผู้ประกอบการต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ มีสติ และยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มการเงินที่เป็นผู้ให้เงินสนับสนุนต่อธุรกิจต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในสภาวะที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต้องมีการวางเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้วย เพื่อความมั่นคงและตอบโจทย์เทรนด์โลกของธุรกิจ
กลุ่มทิสโก้เดินหน้ายุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Focus) พร้อมจัดทัพรับความท้าทายปี 2568 ด้วยการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพสินเชื่อ การบริหารจัดการหนี้และดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ไปจนถึงการยกระดับบริการที่ปรึกษาทางการเงิน
พร้อมเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อวางแผนทางการเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ลูกค้ามี Wealth Span ที่สอดคล้องกับ Health Span อย่างยั่งยืน

คาดเศรษฐกิจโต แต่เปราะบาง
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า กลุ่มทิสโก้ให้ความสำคัญกับการเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมเติบโตเคียงข้างกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง
ในปี 2568 กลุ่มทิสโก้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวประมาณ 3% จากแรงสนับสนุนด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน และการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การขยายตัวดังกล่าวยังคงเปราะบางและเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อาทิ นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และคุณภาพลูกหนี้ที่ถดถอย
แม้ว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” จะมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง แต่ยังไม่สามารถช่วยสร้างการเติบโตที่มั่นคงในวงกว้าง
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้บริบทของการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทายสูงและต้องดำเนินการอย่างรอบคอบในทุกมิติ ดังนั้น ในปี 2568 กลุ่มทิสโก้จะเดินหน้ายุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Focus) โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ที่คำนึงถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
เพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ
ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย มีสัดส่วนราว 70% ของสินเชื่อรวม โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง รถจักรยานยนต์ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทุกประเภท ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ในปีนี้จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานของสาขา
โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการดูแลคุณภาพทางเครดิต และให้ความช่วยเหลือดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยคัดกรองลูกค้า พร้อมขยายบริการสินเชื่อบ้านและที่ดินแลกเงินไปยังสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ เพื่อตอบสนองความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ให้บริการเฉพาะสาขาธนาคาร
ธุรกิจสินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่ (Corporate Banking) จะมุ่งเน้นเติบโตในกลุ่มที่ทิสโก้มีความชำนาญ รวมถึงขยายไปยังกลุ่มธุรกิจกระแสใหม่ (S-Curve) ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่นเดียวกับสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) จะขยายวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (Floor Plan) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า พร้อมมองหาโอกาสการเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ
“ในปีนี้เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน สิ่งที่เราทำได้คือการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและพิจารณาความเสี่ยงอย่างเหมาะสม พร้อมให้ความช่วยเหลือดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ และการช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมด้วยขยายบริการไปยังสินเชื่อบ้านและที่ดินแลกเงิน โดยใช้บ้านและที่ดินเป็นหลักประกัน เพื่อตอบสนองความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเดินหน้าหาโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ จากกลุ่มธุรกิจที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตสูง” นายศักดิ์ชัยกล่าว
เพิ่มขีดความสามารถเทคโนโลยี
กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้ายกระดับการให้บริการทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาวางโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กร ให้สามารถขับเคลื่อนกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์และใช้ข้อมูล (Data Analytics) ในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เข้าใจพฤติกรรมและโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงสร้างนวัตกรรมที่จะยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตรงจุด สะดวก เข้าใจง่าย และครบวงจร
นอกจากนี้จะเร่งภารกิจ Culture of Innovation โดยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้เชี่ยวชาญทั้งด้านการเงิน การลงทุน และก้าวทันเทคโนโลยี นำไปสู่เป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นจริงและวัดผลได้ นั่นคือการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเสริมศักยภาพการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น

กลยุทธ์สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม
นายเมธา ปิงสุทธิวงศ์ กรรมการอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มทิสโก้ (Mr. Metha Pingsuthiwong, Chief Operating Officer and President) กล่าวว่า ธุรกิจธนบดีและตลาดทุน จะมุ่งเน้นการให้คำปรึกษาทางการเงินแบบองค์รวม (Holistic Financial Advisory) ครอบคลุมทั้งบริการที่ปรึกษาการเงิน การลงทุน ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ การวางแผนเกษียณ และการวางแผนมรดก เพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเหมาะสมกับความต้องการตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า
ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) มุ่งเน้นยกระดับบริการการวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพขึ้น โดยจับมือกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 14 แห่ง และบริษัทประกัน 11 แห่ง เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายโดยไม่จำกัดค่าย ควบคู่กับการให้คำแนะนำที่ผสานระหว่างที่ปรึกษาทางการเงินและโปรแกรมวางแผนการเงิน TISCO My Goal
ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (Asset Management) มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอแก่ลูกค้า พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และ Agent Network รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการไปในกลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
ธุรกิจหลักทรัพย์ (Securities Brokerage) เพิ่มโอกาสการลงทุนที่ง่ายและสะดวกให้กับลูกค้า พร้อมกระจายรายได้จากการให้บริการใหม่ ๆ โดยนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ร่วมกับการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ลูกค้า
ธุรกิจประกันภัย (Bancassurance) มุ่งพัฒนาและคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในเชิงลึก ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทพันธมิตรประกันภัยชั้นนำ โดยที่บริษัทจะคำนึงถึงความเหมาะสมกับความเสี่ยงและสถานะทางการเงินของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว