เศรษฐี “บ้านผีเสื้อ” ชีวิตสโลว์ไลฟ์-สไตล์ไฮโดรเจน

ผู้เขียน : สินนภา ดีเลิศพัฒนา

ในตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีบ้านหลังใหญ่พื้นที่ 18 ไร่ ซ่อนตัวอยู่ ภูมิทัศน์เขียวขจี ที่นี่เต็มไปด้วยผีเสื้อบินรายล้อมมากมาย คนเลยรู้จักในชื่อ “บ้านผีเสื้อ” บ้านหลังแรกในไทยที่ขับเคลื่อนด้วยกรีนไฮโดรเจนจากพลังงานแสงอาทิตย์ 100%

“นายเซบาสเตียน-จัสตัส ชมิดต์ เจ้าของบ้านผีเสื้อและผู้ก่อตั้ง Enapter” เจ้าของบ้านผีเสื้อและผู้ก่อตั้ง Enapter เล่าให้ “ประชาชาติธุรกิจ” ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านผีเสื้อ เพราะตัวเขาอยากใช้ไฮโดรเจน แม้ช่วงแรกจะถูกหลายคนกังขา แต่บ้านนี้คือคำตอบ พลังงานไฮโดรเจนสามารถใช้งานได้จริง ทั้งปลอดภัยและมีความเสถียร

นายเซบาสเตียน-จัสตัส ชมิดต์ เจ้าของบ้านผีเสื้อและผู้ก่อตั้ง Enapter
นายเซบาสเตียน-จัสตัส ชมิดต์

“เรื่องพลังงานคือการเรียนรู้ เทคโนโลยีพัฒนาได้ตลอด บ้านผีเสื้อเป็นต้นแบบ มีวิวัฒนาการที่สวยงาม โมเดลมีขนาดเล็กลง ราคาจับต้องได้มากขึ้น นี่คือความท้าทายที่อยากให้ทุกคนที่สนใจมีบ้านแบบนี้บ้าง”

หนุ่มเยอรมันตกหลุมรักเชียงใหม่

ย้อนไปเมื่อ 20 ปี สมัยที่เซบาสเตียนยังเป็นซีอีโอบริษัท ตัวเขาต้องเดินทางทำงานหลายที่ในภูมิภาคเอเชีย และไทยเป็นจุดที่มีไฟลต์บินตรงไปยังประเทศอื่น ๆ ได้สะดวก เขาชอบเชียงใหม่ มองว่าเป็นจังหวัดที่ดี มีการศึกษา สามารถให้ลูกศึกษาต่อที่นี่ได้ อาหารก็อร่อย จึงตัดสินใจปักหลัก เพราะหลงรักเชียงใหม่ แล้วอยู่อาศัยที่ตำบลสันผีเสื้อตั้งแต่นั้นมา

“บ้านผีเสื้อ” ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการศึกษา สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิต กระตุ้นงานวิจัยเพื่อการพัฒนา ทำให้เกิดความสำเร็จของโครงการพลังงานสะอาด และทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“บ้านนี้เป็นตัวอย่างรูปธรรมของการบูรณาการเทคโนโลยี ที่สร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัย โดยมีคาร์บอนเป็นศูนย์ ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการเก็บไฮโดรเจน ถือเป็นโมเดลที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม”

ADVERTISMENT

ประเทศไทยกับไฮโดรเจน

“ธนัย โพธิสัตย์” SEA Business Development Manager จาก Enapter เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความท้าทายของไฮโดรเจนในไทยว่า ราคายังคงแพงกว่าโซลาร์เซลล์ 4 บาท เราต้องเทียบต้นทุน ผู้ประกอบการจะยอมเสีย 4 บาทเพื่อคาร์บอนหรือไม่ จุดนี้เป็นส่วนสำคัญ

การใช้ไฮโดรเจนเหมาะสมกับเกาะที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เนื่องจากไฮโดรเจนใช้แทนน้ำมันได้ และมีต้นทุนถูกกว่า ราคาไฮโดรเจนจะอยู่กึ่งกลาง ถูกกว่าการปั่นไฟ สามารถนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้

ADVERTISMENT

“เชื้อเพลิงเมื่อมีพลังงานย่อมอันตราย จึงต้องจัดการให้เหมือนกับก๊าซธรรมชาติ ซึ่งทำได้ในรูปแบบเดียวกับก๊าซธรรมชาติ การบรรจุ ท่อนำส่ง ซึ่งต้องมีมาตรฐาน”

ดังนั้น ราคาไฮโดรเจนต้องถูกกว่า 50 บาท/กิโลกรัม เพื่อที่จะสู้กับราคาน้ำมันได้ และสร้างแรงดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาใช้ไฮโดรเจนให้มากขึ้น ส่วนนี้ประเทศไทยต้องกระจายความรู้อีกมาก

ปัจจุบันจำนวนของไฮโดรเจนที่ผลิตทั้งหมดมีเพียง 1% ที่เป็นกรีน เนื่องจากไฟฟ้าที่นำมาผลิตไม่ได้มาจากพลังงานสะอาด

ส่วนสำคัญของการผลิตไฮโดรเจนจึงอยู่ที่ “เครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์” ที่ทำหน้าที่แยกน้ำ-ไฮโดรเจน ด้วยไฟฟ้า ซึ่งเครื่องมือนี้มีกระบวนการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ เป็นคีย์สำคัญที่ทำให้เกิดไฮโดรเจนแบบกรีนอย่างแท้จริง

อิเล็กโทรไลเซอร์ เกมเชนเจอร์พลังงานสะอาด

วิธีการทำงานของเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ ต้องยกตัวอย่าง “บ้านผีเสื้อ” ที่ใช้พลังงานสะอาด 100% เป็นกรณีศึกษา โดยมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานแก่อาคารภายในทั้งหมด รวมถึงเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ด้วย

“พลังงานไฮโดรเจนจะเหมาะกับบ้าน รีสอร์ต โรงแรม ออฟฟิศที่อยู่พื้นที่ห่างไกล”

ต้นแบบบ้านไฮโดรเจนในไทย

ย้อนไปเมื่อปี 2018 พลังงานสะอาดยังเป็นเรื่องใหม่ “บ้านผีเสื้อ” จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอาคารบ้านพักอาศัยแห่งแรกของโลกที่ใช้พลังงาน Green Hydrogen ซึ่งเป็นโครงการบุกเบิก เน้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

บ้านนี้มีบทบาทในการช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ

10 ปีที่ผ่านมา บ้านผีเสื้อได้ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% โดยไม่พึ่งพากระแสไฟฟ้าเลย พิสูจน์ถึงการใช้งานได้จริง ไฮโดรเจนจึงถูกจับตาในฐานะตัวเปลี่ยนผ่านพลังงานในอนาคต

บ้านยั่งยืนในไทยทำได้จริง

โครงการบ้านผีเสื้อสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของประเทศไทย ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065

ภายในเป็นระบบพลังงานไฮบริดพลังงานแสงอาทิตย์-ไฮโดรเจนที่มีแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 140 กิโลวัตต์ (kWp) ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงกลางวัน เพื่อใช้งานในบ้าน ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินจะถูกนำมาผลิตไฮโดรเจนผ่านอิเล็กโทรไลเซอร์ขนาด 20 kW ที่แยกน้ำออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน

ไฮโดรเจนจะถูกเก็บในรูปแบบก๊าซที่แรงดัน 35 บาร์ ในถังจะเก็บไฮโดรเจนได้สูงสุด 42 กิโลกรัม ซึ่งจ่ายพลังงานให้กับบ้านได้ประมาณ 600 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)

เวลากลางคืนหรือช่วงที่มีแสงแดดน้อย ไฮโดรเจนที่เก็บไว้จะถูกแปลงกลับเป็นกระแสไฟฟ้า โดยใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Fuel Cell) ขนาด 8 กิโลวัตต์ เมื่อไฮโดรเจนรวมกับออกซิเจนจะเป็นไฟฟ้ากับน้ำ ซึ่งไม่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม ทำให้มั่นใจว่ามีการใช้พลังงานที่สะอาดอย่างสมบูรณ์

ระบบภายในบ้านผีเสื้อยังมีแบตเตอรี่ขนาด 384 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อไฮโดรเจนและแบตเตอรี่ใช้ร่วมกันจะกักเก็บพลังงานไว้ใช้งานได้อย่างน้อย 7 วัน ในฤดูที่มีแดดน้อยและมีเมฆมาก

บ้านประหยัดพลังงานจะเน้นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำที่สุด ส่วนการออกแบบสถาปัตยกรรมจะเน้นเปิดกว้างรับแสงธรรมชาติ การก่อสร้างและโครงสร้างของบ้านเน้นใช้วัสดุยั่งยืนร้อยละ 98 จากในประเทศ เช่น บล็อกคอนกรีตอัดไอน้ำและหน้าต่างชั้นคู่ที่มีฉนวน

ส่วนระบบการจัดการน้ำจะกักเก็บและบำบัดน้ำฝน ลดการพึ่งพาแหล่งน้ำภายนอก น้ำจะถูกนำไปใช้ในการทำสวนและนาข้าว ซึ่งเจ้าของบ้านผีเสื้อเน้นปลูกพืชผักและผลไม้ท้องถิ่น ช่วยลดความจำเป็นเรื่องแหล่งอาหารจากภายนอก

ชีวิตธรรมดาของเศรษฐีที่รักษ์โลก ดูจะเป็นโมเดลในฝันที่ตอบโจทย์ธรรมชาติและพลังงานสะอาดได้ลงตัวที่สุด