
Clarins (คลาแรงส์) และ THREE (ทรี) ประเทศไทย แบรนด์สกินแคร์ระดับตำนาน ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) ประกาศเข้าร่วมโครงการ “ฮักโลก (Hug The Earth)” โชว์ตราสัญลักษณ์สำหรับผลิตภัณฑ์รักษ์โลกในกลุ่มสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปรัชพันธ์ จิราธรวราพัฒน์ Senior Operation Excellence Manager บอกเล่ากับประชาชาติธุรกิจว่า ปัจจุบันแนวคิดเรื่อง ความยั่งยืน (Sustainability) กลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมความงาม แบรนด์คลาแรงส์ และทรี ตระหนักดีว่าความงามที่แท้จริงไม่ได้มาจากแค่ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แต่ต้องเป็นความงามที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล

คลาแรงส์ ดำเนินการประเมินคาร์บอนครั้งแรกในปี 2008 ในฝรั่งเศส และขยายมายังเอเชียในปี 2012 พบว่า บรรจุภัณฑ์เป็นตัวปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลักของบริษัท 24% ดังนั้นจึงมุ่งเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใช้การออกแบบเชิงนิเวศ (Eco-Design) และมีการประเมินอย่างชัดเจนครอบคลุมทั้งการปล่อยคาร์บอน การใช้น้ำ และเปอร์เซ็นต์ของวัสดุรีไซเคิล ตลอดจนความสามารถของการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้มีการใช้แก้ว-กระดาษแข็งเป็นบรรจุภัณฑ์แล้ว 63%
ในส่วนของทรี ด้วยความที่แบรนด์เน้นความเป็นธรรมชาติ จึงได้มีการทุ่มเท ค้นคว้า วิจัย คัดสรร ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณ ภายใต้จิตสำนึกความใส่ใจที่มีต่อสังคมและสภาพแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์สกินแคร์จาก THREE ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติเฉลี่ยแล้วสูงกว่า 85% เลือกใช้พืชที่มีการเพาะปลูกแบบออร์แกนิก และผ่านการรับรองจากองค์การ Eco Cert และ Soil Association รวมถึงไม่ใช้ส่วนผสมจากพืชที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม (Non-GMO Ingredients) ที่สำคัญคือ ต้องไม่ทดลองกับสัตว์ และพาราเบน
จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งสองแบรนด์มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวทาง 4R ได้แก่ Reducing, Reusing, Recycling และ Respecting เพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ไม่เพียงแต่ดูแลผิวพรรณ แต่ยังดูแลโลกไปพร้อมกัน
4R รักษาความยั่งยืน
1.ลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง (Reducing the Waste of Resources)
เนื่องจากการลดของเสียไม่เพียงช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในระยะยาว หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยโลกคือ การลดการใช้ทรัพยากรตั้งแต่แรก ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
เช่น คลาแรงส์ใช้บรรจุภัณฑ์ที่บางลงและน้ำหนักเบาลง ช่วยลดการใช้พลาสติกและกระจกโดยไม่ลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และทรีใช้หมึกพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น เช่น แผ่นพลาสติกหรือกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มากเกินไป
2.ใช้ซ้ำเพื่อลดการบริโภคที่เกินจำเป็น (Reusing in Order to Consume Less)
เมื่อใช้ของแล้ว แทนที่จะทิ้งไปทันที เราสามารถหาวิธีใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด คลาแรงส์ และทรี สนับสนุนการ Refill และ Reuse เพื่อช่วยลดขยะบรรจุภัณฑ์ ตัวอย่างเช่น คลาแรงส์มีโครงการขวดรีฟิล สำหรับผลิตภัณฑ์ยอดนิยม
เช่น Double Serum และ Cleansing Products ช่วยให้ลูกค้าสามารถเติมผลิตภัณฑ์ได้โดยไม่ต้องซื้อขวดใหม่ทุกครั้ง และ THREE ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถถอดแยกชิ้นส่วน เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำบางส่วนกลับมาใช้ใหม่ได้
“แนวคิดรีฟิล-รียูสสำหรับคนไทยอาจยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนต่างประเทศ เพราะรู้สึกว่าการซื้อขวดใหม่คือการได้ของใหม่ แต่แนวคิดนี้สามารถช่วยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการลดขยะได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากนัก”
3.รีไซเคิลเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Recycling to Limit Our Environmental Impact)
การรีไซเคิลเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดขยะและนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ คลาแรงส์ และทรี สนับสนุนการรีไซเคิลผ่านหลายวิธี เช่น คลาแรงส์ใช้ขวดแก้วที่รีไซเคิลได้ 100% และกระดาษที่ได้รับการรับรองจาก FSC (Forest Stewardship Council)
และภายในปี 2025 คลาแรงส์มุ่งมั่นทำให้ทุกแพ็กเกจจิ้งสามารถรีไซเคิลได้ 100% และทรีออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถแยกชิ้นส่วนได้ง่ายเพื่ออำนวยความสะดวกต่อกระบวนการรีไซเคิล
4.เคารพและดูแลธรรมชาติอย่างยั่งยืน (Respecting Nature and Nature’s Resources)
การดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ได้หมายถึงแค่การลดขยะหรือรีไซเคิลเท่านั้น แต่ต้องเริ่มต้นจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเคารพและรับผิดชอบ
คลาแรงส์มีฟาร์มออร์แกนิกของตัวเองในชื่อ Domaine Clarins ที่ปลูกพืชเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ โดยไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย และดูแลให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เสมอ ด้านทรีเลือกใช้วัตถุดิบจาก Sustainable Farming ซึ่งเป็นการเพาะปลูกที่ไม่ทำลายระบบนิเวศ และเลือกใช้พืชที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ตามธรรมชาติ
“เราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลโลกได้ง่าย ๆ เริ่มต้นจาก ลดการใช้สิ่งที่ไม่จำเป็น ใช้ซ้ำให้มากที่สุด รีไซเคิลอย่างถูกต้อง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เคารพธรรมชาติ เพราะทุกการเลือกของเราในวันนี้”