
งานวิจัยชิ้นล่าสุดของ Madre Brava เผย โปรตีนพืชช่วยลด PM 2.5 จากการเผาซังข้าวโพดที่ปลูกเพื่อเลี้ยงสัตว์ และลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรกว่าแสนราย แนะรัฐสนับสนุนตลาดโปรตีนพืชยืนข้างตลาดโปรตีนจากสัตว์ หากทำได้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.3 ล้านล้านบาท
องค์กรประชาสังคมเพื่อสิ่งแวดล้อม Madre Brava จัดทำงานวิจัยเรื่อง “อุตสาหกรรมปศุสัตว์กับ PM 2.5 : ตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการผลิตโปรตีนที่หลากหลาย” ร่วมกับ Asia Research and Engagement พบว่า แหล่งที่มาของ PM 2.5 ในประเทศไทย ได้แก่ การกำจัดของเสีย 10%, อุตสาหกรรม 15%, ที่อยู่อาศัย 12%, การขนส่ง 5% และการเกษตร ป่าไม้ และการประมง 36%
จากการวิเคราะห์ Hot Spot หรือจุดความร้อนจากภาพถ่ายดาวเทียมทั้งหมดจากการเผาตอซังพืช ตั้งแต่ปี 2015-2019 พบว่า ประมาณ 30-35% ของจุดความร้อนทั้งหมดเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพด จากผลวิจัยพบว่า การเผาเพื่อการเกษตรอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากกว่า 34,000 รายต่อปี
และหากอุตสาหกรรมนี้เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ จำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่เกี่ยวข้องกับการเผาตอซังข้าวโพดเพียงเลี้ยงสัตว์อย่างเดียวอาจสูงถึง 361,000 ราย ในช่วงระหว่างปี 2020 ถึง 2050 แต่หากไทยเริ่มสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีน จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้มากกว่า 100,000 รายภายในปี 2050
ปัจจุบันการเผาตอซังข้าวโพดจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในไทย แม้จะมีข้อห้ามในกฎหมาย แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเผาตอซังพืชยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชียงใหม่ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และบางช่วงมีระดับมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงติดอันดับโลก
วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้อำนวยการ Madre Brava ระบุว่า รายงานฉบับนี้เผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของคนไทย โดยแหล่งกำเนิดหนึ่งมาจากกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่มีความต้องการสูงในตลาด
“รายงานฉบับนี้ศึกษาถึงผลกระทบที่รุนแรงของการเกษตรปศุสัตว์ โดยเฉพาะการเผาตอซังข้าวโพดที่ปลูกเพื่อผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลต่อการเพิ่มระดับมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มีการเผาข้าวโพดจำนวนมากเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกใหม่”
“ผลกระทบนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึงปีละ 12,000 ราย ระหว่างปี 2020-2050 ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2021 เพียงปีเดียว
ทาง Madre Brava เสนอให้ประเทศไทยเริ่มสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีน โดยให้โปรตีนจากพืชทดแทนโปรตีนจากสัตว์ให้ได้ 50% ภายในปี 2050 ซึ่งจะช่วยลดการผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลง และลดความต้องการข้าวโพดในการผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากการเผาตอซังได้มากกว่า 100,000 ราย”
ลดผลิตเนื้อสัตว์ ลด PM 2.5 ?
วิชญะภัทร์กล่าวว่า การเผาตอซังพืชในเดือนธันวาคมถึงเมษายน เป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากความชื้นต่ำทำให้ฝุ่นสะสมในอากาศ ปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผันและภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ส่งผลให้ PM 2.5 ไม่สามารถกระจายตัวได้
การบุกรุกพื้นที่ป่าและการขาดการจัดการที่เหมาะสม ทำให้ไฟจากการเผาตอซังอาจลุกลามสู่พื้นที่ป่าได้ และยังมีผลกระทบจากการเผาตอซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านที่ทำให้ PM 2.5 ลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยด้วย
“แม้จะมีความพยายามในการจำกัดการเผาตอซังพืชเพื่อลดมลพิษ PM 2.5 แต่ปัญหายังคงมีอยู่และไม่สามารถแก้ไขได้อย่างยั่งยืน รายงานนี้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาด้วยการลดความต้องการอาหารสัตว์และเพิ่มการใช้โปรตีนจากพืชมาทดแทนโปรตีนจากสัตว์ 50% ทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออก
แนวทางนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 1.3 ล้านล้านบาท สร้างงาน 1.15 ล้านตำแหน่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 35.5 ล้านเมตริกตันต่อปี”
แนะรัฐนำร่องหนุนกินโปรตีนพืช
งานวิจัยฉบับนี้ได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษ PM 2.5 และส่งเสริมความยั่งยืนทางอาหาร โดยแนะนำให้ภาครัฐส่งเสริมการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากขึ้น เช่น การให้มาตรการจูงใจทางการเงินเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
รวมถึงการนำเมนูอาหารเน้นพืชมาใช้ในงานและการประชุมของภาครัฐ รวมถึงโรงเรียนและโรงพยาบาล เพื่อแบบอย่างให้ประชาชนหันมาบริโภคโปรตีนจากพืชมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเสนอให้ภาคธุรกิจผู้ค้าปลีกและธุรกิจบริการอาหารกำหนดเป้าหมายเพิ่มยอดขายของโปรตีนจากพืช โดยลดราคาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้สามารถแข่งขันกับโปรตีนจากสัตว์ พร้อมทั้งจัดวางผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชให้เด่นชัด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ
และแนะนำให้ผู้ผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลลงทุนในการวิจัยและพัฒนาโปรตีนทางเลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและราคาเข้าถึงได้ง่าย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในระยะยาว
“การสร้างความหลากหลายของแหล่งโปรตีนในประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะช่วยลดมลพิษ PM 2.5 แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มงาน สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย” วิชญะภัทร์กล่าวทิ้งท้าย