สรุปความคิดเห็นด้านความยั่งยืนจากนักธุรกิจทั่วโลก Sustainability Week 2025

สรุปความคิดเห็นจากนักธุรกิจทั่วโลก จากงาน “4th Annual Sustainability Week Asia” เผย แนวโน้มอนาคตของการเงินสีเขียวในเอเชีย-การเปลี่ยนผ่านพลังงาน-การคมนาคม เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืน และบรรลุเป้าหมาย Net Zero

Sustainability Week Asia ประจำปี ครั้งที่ 4 เป็นงานสัมมนาที่รวบรวมสุดยอดผู้นำกว่า 1,000 คน เพื่อร่วมกันเจาะลึกถึงการบรรลุเป้าหมายด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero), การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอย่างเป็นธรรม, การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน, การบริหารทรัพยากรอย่างเท่าเทียม โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 มีนาคม 2568 กรุงเทพฯ ประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจะบรรลุเป้าหมายข้างต้นได้นั้น ต้องเปลี่ยนผ่านการเงินสีเขียว, การเปลี่ยนผ่านพลังงาน และการปรับเปลี่ยนสู่การคมนาคม-การบินยั่งยืน โดยภายในงานมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและมุมมองเชิงลึกต่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่มีความท้าทายในปัจจุบัน

การเปลี่ยนผ่านด้านการเงิน

ธนาคารโลก ชี้ ”Taxonomy“ เป็นหลักสำคัญใหม่โลกธุรกิจ

ศรัณย์ มนุอมร ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสภาคสถาบันการเงินธนาคารโลก เปิดเผยว่า สิ่งที่สามารถวัดผลได้ ย่อมสามารถบริหารจัดการได้ อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของระบบการจัดหมวดหมู่ด้านความยั่งยืน (Taxonomies) และกรอบการรายงานทำให้เกิดความท้าทายอย่างมาก

แม้ว่าระบบการจัดหมวดหมู่เหล่านี้จะให้คำนิยามและโครงสร้างในการประเมินผล แม้ว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือสำหรับการรายงานโดยตรงแต่สามารถช่วยระบุช่องว่างของข้อมูลและกำหนดเกณฑ์ด้านความยั่งยืนให้ชัดเจนขึ้น

ADVERTISMENT

“การเชื่อมโยงตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนให้เข้ากับข้อมูลทางการเงินจะสามารถช่วยเสริมสร้างการตัดสินใจทางธุรกิจได้”

โดยองค์กรต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการประเมินผลกระทบด้านการเงินของความยั่งยืนมากขึ้น โดย CFO จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าว และโซลูชั่นของ SAP เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเชื่อมโยง Carbon Footprint เข้ากับการวิเคราะห์ผลกำไรและขาดทุน เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนสอดคล้องกับผลประกอบการทางเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

ธปท.เผยแนวทาง 2 ด้าน รับมือ พ.ร.บ.โลกร้อน

ปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผย การจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับตัวและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2561 โดยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงเวลาดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่างที่สำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันมีเพียง 1 ใน 5 ของเงินทุนที่จำเป็นเท่านั้น แถมเงินทุนส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาผลกระทบมากกว่าการปรับตัว ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวลสำหรับเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น ประเทศไทย

“ร่างกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” กำลังจะมีผลบังคับใช้ ภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ เช่น การรายงานข้อมูลและระบบซื้อขายคาร์บอนเพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน

ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินการด้านนโยบายนี้ และคาดหวังให้สถาบันการเงินบูรณาการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศเข้าสู่โมเดลธุรกิจของตน

โดยมีแนวทางสำคัญสองด้าน ด้านแรกคือการสร้างรากฐานสำคัญ เช่น การพัฒนากรอบการจำแนกประเภทกิจกรรมที่ยั่งยืน (Taxonomy), การทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคาร (Stress Testing) และการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งการทดสอบภาวะวิกฤตเริ่มดำเนินการกับธนาคารหลักในปี 2567 และจะดำเนินการต่อไปในปี 2568

ธ.กรุงเทพ หนุนเงินทุนอุตฯยั่งยืน

ด้าน นิรมาณ ไหลสาธิต กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ แสดงความคิดเห็นว่า การบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกต้องการการลงทุนในพลังงานสะอาดถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อปี โดยที่ตลาดเกิดใหม่ต้องการการลงทุนมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทุนที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นอุปสรรค ธนาคารกรุงเทพได้แก้ไขปัญหานี้ด้วยการให้สินเชื่อการเปลี่ยนผ่านแก่ภาคอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินงานที่ยั่งยืนโดยยังคงรักษาความมั่นคงทางการเงิน

“ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือกทางจริยธรรม แต่เป็นความจำเป็นทางเศรษฐกิจ“

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

แนะ Data Center ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) บอกเล่าว่า ประเทศไทยตั้งเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2065

แต่ยังต้องพัฒนาในด้านนโยบายและโครงสร้างพื้นฐาน ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูลในประเทศ อันเป็นผลมาจากการเติบโตของ AI

ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ภายในทศวรรษหน้า รัฐบาลจึงมีมาตรการจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุนในศูนย์ข้อมูลสีเขียว (Green Data Center)

แนะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพการอนุรักษ์น้ำ และการรีไซเคิลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน เทคโนโลยีใหม่ เช่น แผงโซลาร์เซลล์ (Perovskite Solar Cell) และการนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แล้วมาใช้ในระบบกักเก็บพลังงานของโครงข่ายไฟฟ้า จะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ปล่อยคาร์บอนต่ำได้

การเปลี่ยนผ่านด้านคมนาคม

สายการบินระดับโลก เผยความคิดเห็นต่อการบินยั่งยืน

การบิน เป็นส่วนหนึ่งในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2% แต่ยากที่จะลดลงเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การคาดการณ์การเติบโตของการเดินทางทางอากาศ ข้อจำกัดในการออกแบบเครื่องบิน และวงจรนวัตกรรมที่ยาวนาน

น้ำมันการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ถูกระบุว่าเป็นทางเลือกที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การลดคาร์บอน โดย SAF ยังคงจำเป็นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในการบรรลุเป้าหมาย Zero Carbon Emissions

สายการบินอย่าง มาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airline) และ คาเธย์ แปซิฟิค (Cathay Pacific) ACI กำลังทำงานเพื่อรวม SAF เข้ากับการดำเนินงานของพวกเขา แต่ยังคงมีความท้าทายในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยังไม่เพียงพอและการ จัดหาสิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจ

โดยได้ข้อสรุปว่า การกำหนดนโยบายถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้งาน SAF แต่ความแตกต่างของนโยบายทั่วโลกทำให้การสร้างกรอบนโยบายที่สอดคล้องกันในแต่ละเขตอำนาจศาลเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้นการประสานนโยบายจึงจำเป็นที่จะได้รับการเน้นย้ำ

ท้ายนี้สรุปได้ว่า การบินในอนาคตที่ยั่งยืนควรจะสอดคล้องไปกับการผสมผสานของ SAF เทคโนโลยีใหม่ และการปรับปรุงวิธีปฏิบัติในการดำเนินงาน