คอลัมน์ CSR Talk
สนุกอย่างเดียวดูจะเชยไปแล้ว สำหรับอีเวนต์บันเทิงต่าง ๆ เพราะทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับกระแสปัญหา “ขยะ” ที่ต้องการความร่วมมือจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันรณรงค์ให้ทุกคนบนโลกใบนี้ร่วมกันรับผิดชอบในฐานะผู้สร้างขยะ เช่นเดียวกันกับ “ไฮเนเก้น” ที่หยิบเอาแนวคิด Brewing A Better World มาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางดนตรี ที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังช่วยสานต่อในประเด็นความยั่งยืนในการรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านโปรเจ็กต์ “Heineken Can Recycled” ที่เกิดขึ้นในงาน Heineken Presents Sensation Rise 2018 ที่ผ่านมา
โดย “เศรษฐวุฒิ จิวังกูร” ในฐานะผู้จัดการผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัท ทีเอพี บอกว่า ความยั่งยืนเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ไฮเนเก้นให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด Brewing A Better World หรือที่เรียกว่า การผลิตเพื่ออนาคตที่ดีกว่า โดยเน้นเรื่องพื้นฐานสำคัญ 6 เรื่อง ที่ประกอบด้วย น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ การจัดซื้อ การดื่มอย่างรับผิดชอบ สุขภาพและความปลอดภัย และการเติบโตไปกับชุมชน เพื่อสร้างความแตกต่างให้โลกที่ดีขึ้น
เศรษฐวุฒิเน้นย้ำถึงแนวคิด Brewing A Better World ว่า ไฮเนเก้นเริ่มที่ภายในองค์กรก่อนเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นจะต่อยอดไปสู่กิจกรรมกับผู้บริโภค อย่างโปรเจ็กต์ Heineken Can Recycled ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไฮเนเก้นได้นำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนผสานเข้ากับกิจรรมทางการตลาด โดยเลือกงานคอนเสิร์ตที่มีคนเข้าร่วมระดับหลักหมื่นคน และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในความสนุกครั้งนี้ได้โดยไม่ทำลาย หรือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“ถ้ามีการจัดกิจกรรมที่มีผู้ร่วมงานระดับหมื่นคนเกิดขึ้น อัตราส่วนขยะประเภทอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ต่อขยะอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี จะอยู่ที่ 70 : 30 โดยปริมาณขยะที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากผู้เข้าชมงานมากที่สุดราว 65-70% ขณะที่ผู้จัดงานจะสร้างขยะอีกประมาณ 30% ที่เหลือ ซึ่งต้องใช้รถเก็บขยะมากถึง 5 คันในการจัดเก็บขยะต่อ 1 อีเวนต์”
นอกจากนี้ เศรษฐวุฒิยังบอกอีกว่า ทุกกิจกรรมที่ทางแบรนด์จัดขึ้น ไฮเนเก้นพบว่า กระป๋องเครื่องดื่มถือเป็นส่วนใหญ่ของขยะประเภทอุปโภคบริโภค ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ หรือกำจัดไม่ถูกวิธีจะกลายเป็นมลพิษได้ ดังนั้นไฮเนเก้นจึงได้สร้างสรรค์แคมเปญ เพื่อแปลงขยะให้มีมูลค่าขึ้นมา โดยกระป๋องที่ใช้แล้วสามารถนำไปทำประโยชน์ต่อได้ (reuse) หรือนำเข้ากระบวนการผลิตกระป๋องอะลูมิเนียม (recycle) เพื่อให้กลายมาเป็นบรรจุภัณฑ์ใหม่ ซึ่งทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ เพียงนำกระป๋องเปล่ามาหย่อนในจุดเก็บกระป๋อง โดยมีข้อความเชิญชวน พร้อมกับพื้นที่ recycle ที่ถูกจัดวางอยู่บริเวณทางเข้างาน เพื่อให้ผู้บริโภคได้นำกระป๋องเครื่องดื่มเปล่ามาหย่อนไว้ มีการกำหนดช่วงเวลาในการจัดเก็บคือ สำหรับเก็บกระป๋องหลังงานเลิก ตั้งแต่เวลา 02.00 น.-05.00 น. เพื่อรวบรวมกระป๋องเปล่าให้ได้มากที่สุด ก่อนส่งต่อกระป๋องเปล่าทั้งหมดสู่กระบวนการรีไซเคิลในเวลา 07.00 น.ของวันถัดไป”
ไม่เพียงเท่านี้ ไฮเนเก้นยังตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์นวัตกรรม ด้วยการสะท้อนเรื่องการรีไซเคิลออกมาเป็น “Star Hive Sound Recycle” ที่เป็นนวัตกรรมการนำพลังงานจากเสียงดนตรีในงานมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยนำกระป๋องไฮเนเก้นที่ใช้แล้วมาเรียงต่อกัน เพื่อเกิดการสั่นสะเทือนที่สะท้อนมาจากเสียงดนตรี แล้วถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า พร้อมสำหรับการใช้ประโยชน์ในการชาร์จโทรศัพท์มือถือให้กับเหล่าผู้ที่มาสนุกในงาน
“โปรเจ็กต์นี้ไฮเนเก้นได้เริ่มทำและเปิดตัวภายในงาน Sensation ที่ผ่านมา และหากประสบผลสำเร็จจะสามารถช่วยลดปัญหาขยะที่เกิดจากงานดนตรีของเราได้ ทำให้ขยะมีคุณค่า มีประโยชน์ ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ดีที่แบรนด์ไฮเนเก้นพร้อมสานต่อ และนำไปใช้กับทุกงานดนตรีของไฮเนเก้นที่จะเกิดขึ้นต่อไป”