“MBK” สวมบท “พี่เลี้ยง” สร้างผู้นำแห่งอนาคตแก่ภาครัฐ

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) 1 ใน 27 องค์กรชื่อดังภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อนสานพลังประชารัฐ ด้วยการพัฒนาผู้นำเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมรอบด้านให้แก่เหล่าบรรดานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ในการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงในการเพิ่มขีดความสามารถการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์การบริหารงานภาครัฐ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงานภาครัฐ ในการคัดสรรผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรภาคเอกชนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพื่อมาเป็นครูฝึกสอนงาน (mentor) ด้านการบริหารจัดการองค์กรให้กับนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ หรือ นปร.รุ่นที่ 11

สำหรับโครงการนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ หรือ นปร. เป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย พ.ศ. 2548-ปัจจุบัน ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) มุ่งมั่นปั้นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูง ทั้งยังต้องเป็น นักคิดที่มีวิสัยทัศน์ (visionary thinker) นักพัฒนาและนักวางแผน (developer and planner) และนักปฏิบัติ (operator) เพื่อเข้าสู่ระบบราชการ

จึงกำหนดแผนการเรียนรู้สำหรับ นปร.ด้วยการออกแบบภาควิชาการและภาคปฏิบัติ ซึ่งในภาคปฏิบัติจะต้องได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการปฏิบัติราชการ ทั้ง 4 ส่วน อาทิ ส่วนภูมิภาค, ส่วนกลาง, ส่วนหน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ และส่วนภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ภาควิชาการและการฝึกทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็น

“สุเวทย์ ธีรวชิรกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นครูฝึกสอนงาน (mentor) นปร.ในปี 2561 ถึง 2 คน ได้แก่ นิรมล ช้างเย็นฉ่ำ และธนาจุฑา กังสกุลนิติ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทาง ก.พ.ร.เปิดโอกาสให้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ใหม่ของชาติที่มีคุณภาพให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

“ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นปร.ทั้ง 2 คนได้เรียนรู้วัฒนธรรมการบริหารองค์กร และการใช้ภาวะผู้นำรูปแบบต่าง ๆ จากการติดตามสังเกตการบริหารงานของผู้บริหารได้เห็นการวางแผนงานธุรกิจต่าง ๆ วิธีคิด และความคล่องตัวของระบบการทำงานร่วมกัน ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของทุกคน การตัดสินใจที่รวดเร็ว วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ”

“รวมถึงการร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเรื่องต่าง ๆ ในที่ประชุมทั้ง 8 ธุรกิจในเครือของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) อาทิ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจบริหารอาคารสำนักงาน, ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว, ธุรกิจสนามกอล์ฟ, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจอาหาร, ธุรกิจการเงิน และธุรกิจประมูลรถยนต์ ตามแผนงานที่สอดคล้องกับการดำเนินยุทธศาสตร์ของหน่วยงานที่ผู้บริหารเห็นสมควร”

ADVERTISMENT

“ผมจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นปร.ทั้ง 2 คนจะนำข้อคิดดี ๆ ระบบการทำงาน และการบริหารงานดี ๆ ที่ได้เรียนรู้จากบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ไปประยุกต์และปรับใช้ เพื่อต่อยอดการบริหารงานภาครัฐ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในอนาคต”

โดยในส่วนของ “นิรมล ช้างเย็นฉ่ำ” และ “ธนาจุฑา กังสกุลนิติ” นปร.รุ่นที่ 11 กล่าวถึงการฝึกงานครั้งนี้ว่า การเลือกเข้ามาฝึกปฏิบัติราชการภาคเอกชนกับบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เพราะเรียนจบมาจากสายธุรกิจและมาร์เก็ตติ้ง บวกกับพวกเรามีความสนใจในเรื่องการค้า การทำโปรโมชั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงคิดว่าที่นี่น่าจะตอบโจทย์การเรียนรู้ในส่วนของภาคเอกชนได้มากที่สุด

“ดังนั้นพอเข้ามาฝึกปฏิบัติงานจริง จึงทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่ธุรกิจศูนย์การค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีบริษัทในเครืออีกหลากหลายธุรกิจที่น่าสนใจให้ศึกษาเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสนามกอล์ฟ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน เป็นต้น”

“และจากการที่ได้ติดตามทีมงานไปดูงานและเข้าร่วมประชุมในธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างชัดเจน ทำให้เรามองภาพการทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในมุมที่กว้างขึ้น ทั้งยังเห็นวิธีคิดและวิธีการทำงานที่ผู้บริหารของที่นี่คิดถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรารู้เพิ่มเติมว่า แท้จริงแล้วภาคเอกชนมีความต้องการอะไรบ้างที่ภาครัฐอาจมองข้ามไปและยังไม่ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อจะนำไปปรับแผนการทำงานในภาคราชการให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต”

จึงนับเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่ได้จากการฝึกปฏิบัติจริงขององค์กรเอกชนที่มีชื่อเสียง