วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก Jirapong Jeewarongkakul ได้โพสต์ภาพหญิงสาวลงไปดำน้ำและโพสต์ท่าถ่ายภาพบนปะการังในบริเวณอ่าวแม่ยาย ซึ่งเป็นอ่าวที่มีการประกาศปิดเพื่อฟื้นฟูแนวปะการังเสื่อมโทรม โดยอ้างว่าที่ตนนั่งอยู่นั้นไม่ใช่ปะการัง แต่เป็นหิน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า “#ในขณะที่กระแสพรานเศรษฐีลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากำลังร้อนแรง
..อุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างหมู่เกาะสุรินทร์ก็มีปัญหาการลักลอบเข้าไปท่องเที่ยวในอ่าวแม่ยาย อ่าวที่มีการประกาศปิดเพื่อฟื้นฟูสภาพแนวปะการังที่เสื่อมโทรมหลังเหตุการณ์ปะการังฟอกขาว …แถมนทท.กลุ่มนี้ยังทำกิจกรรมที่รบกวนแนวปะการังดังภาพ ..อย่าโชว์โง่ด้วยการบอกว่านั่งบนหินใม่ใช่ปะการัง เพียงแต่คุณไม่รู้ว่ามันคือปะการัง
ที่ต่างจากกรณีล่าสัตว์คือ ครั้งนี้ผู้ต้องหาไม่ได้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่..แต่เป็นการถ่ายรูปประจานตัวเองของกลุ่มนทท.เองแม้มีบางคนเข้าไปตักเตือนในโพสก็มิได้รู้สึกรู้สาอะไร
ชื่อเสียงเรียงนามปรากฏชัดเจนตามภาพ (แต่ขอปิดไว้ในนี้ก่อน) อุทยานฯควรตามให้เจอ แล้วดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เขาสำนึกให้ได้นะครับ ควรดำเนินการอย่าให้น้อยหน้ากรณีเขตฯทุ่งใหญ่ฯ…ปะการังกับเสือดำก็เป็นสัตว์คุ้มครองเหมือนกันและเป็นการกระทำผิดในเขตพื้นที่คุ้มครองเหมือนกัน จะติดตามฟังข่าว..ว่าจะไม่แล้วเชียวแต่เห็นแล้วมันเหลืออด…
ปล.ต้องขออภัยเพื่อนๆที่แทก เพราะคิดว่าท่านมีโอกาสเจอเหตุการณ์และแจ้งข่าวได้..ช่วยๆกันครับ
#ในขณะที่กระแสพรานเศรษฐีลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากำลังร้อนแรง..อุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างหมู่เกาะสุรินทร์…
โพสต์โดย Jirapong Jeewarongkakul บน 7 กุมภาพันธ์ 2018
ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวในเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ว่าเรื่องนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทราบเรื่องแล้ว และ ผอ.สำนักอุทยานสั่งให้มีการตรวจสอบโดยด่วน
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก ดร.ธรณ์ ระบุว่า พื้นที่อ่าวแม่ยายเดิมเป็นบริเวณที่มีปะการังจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย แต่ได้รับผลกระทบจากปะการังฟอกขาว จึงถูกสั่งปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 เพื่อไม่ให้มีการท่องเที่ยว เพื่อให้ตัวอ่อนปะการังสามารถลงเกาะและเติบโตได้อีกครั้ง
“อย่างไรก็ตาม อ่าวแม่ยายเป็นอ่าวที่มีลักษณะภูมิประเทศแบบปิด มีธาตุอาหารสะสมมาก จึงเกิดกรณีสาหร่ายเห็ดหูหนูคลุมแนวปะการังเกือบทั้งหมด เป็นเวลานานหลายปี
เมื่อมีการปิดต่อเนื่อง ธรรมชาติเริ่มฟื้นตัว สาหร่ายหายไปจากบางพื้นที่ ตัวอ่อนปะการังเริ่มลงเกาะใหม่ แต่ต้องเผชิญกับปะการังฟอกขาวอีกครั้งในปี 53 จึงหายไป
เคราะห์ดีที่การปิดยังทำต่อ ตัวอ่อนปะการังรุ่นใหม่เริ่มลงสู่พื้นที่ และมีข้อมูลจากการสำรวจว่าเริ่มฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม หากเราเข้าไปในพื้นที่ปิด กระทำการใดๆ อาจส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อปะการัง และต่อการฟื้นตัวอันยาวนานของปะการังที่อ่าวแม่ยาย
ในพื้นที่นี้จึงไม่อนุญาตให้มีการทำกิจกรรมใดๆ เพื่อประโยชน์ของทะเล
นอกจากนี้ อยากจะบอกว่า หากเป็นแนวปะการังขนาดใหญ่ ไม่มีหินครับ มีแต่ปะการังตาย ซึ่งจะเป็นฐานให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ตาอาจมองไม่เห็นลงเกาะ รวมถึงตัวอ่อนน้อยๆ ของปะการัง
การเหยียบ นั่ง หรือโพสต์ท่าใดๆ ในแนวปะการัง จึงเป็นการรบกวนทั้งนั้น
ผมเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีสถานที่ให้โพสต์ท่าอีกมากมาย โดยไม่ต้องฝ่าฝืนกฎระเบียบหรืออาจทำร้ายเพื่อนตัวน้อยๆ ใต้ทะเลของเราครับ
#ดูแลป่าดูแลทะเลต้องช่วยกันครับ”
สำหรับเรื่องสาวโพสต์ท่า กรมอุทยานทราบเรื่องแล้ว และผอ.สำนักอุทยานสั่งให้มีการตรวจสอบโดยด่วน พื้นที่อ่าวแม่ยาย เดิมทีเป…
โพสต์โดย Thon Thamrongnawasawat บน 7 กุมภาพันธ์ 2018