
ไล่ไทม์ไลน์กระแสดราม่า ลูกค้าคาเฟ่ดังเชียงใหม่ โพสต์รูปวิวแรงงานโรงยาสูบ สังคมเดือดมองประเด็น Human Zoo เจ้าของโพสต์แจง ไม่มีเจตนาลดทอนคุณค่าความเป็นคน ด้านร้านค้าเผยตั้งใจสะท้อนวิถีชีวิตธุรกิจครอบครัวที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ดร.สุรวดี พันธุ์พานิช ระบุว่า #ร้านคาเฟ่เชียงใหม่ ชื่อร้านเย็น YEN แบ่งส่วนโรงงานคัดใบยาสูบ มาทำร้านกาแฟ ได้เห็นวิถีชีวิตไปด้วยค่ะ Yen.CNX : มาภารกิจขาวดำด่วนที่เชียงใหม่ค่ะ ทำให้สังคมออนไลน์แห่แสดงความคิดเห็นกว่า 4 พันคอมเมนต์
ด้วยความเห็นไปในเชิงเดียวกัน กล่าวถึงความยินยอมในการทำงานลักษณะนี้ พร้อมตั้งคำถามถึงประเด็น Human Zoo หรือสวนสัตว์มนุษย์ ลักษณะการใช้เพื่อนมนุษย์เป็นเครื่องมือในการทำคอนเทนต์หรือการทำงานโดยกดขี่ คอมเมนต์บางส่วนจากโพสต์ต้นเรื่อง ดังนี้
“ป้า ๆ ด้านหลังเค้าโอเคกับการที่คนในคาเฟ่ได้เห็นคุณป้านั่งแบบนั้น ใช่ไหมครับ ? คุณป้าเหล่านั้นเค้าไม่หวงความเปนไพรเวซี่รึคับ”
“ผมว่ามันสะท้อนภาพได้ชัดเจนระหว่างคนข้างในกับคนด้านนอกครับ“
“สุดยอดครับ แบ่งแยกชนชั้นได้ชัดเจน”
“คุณควรไปเดินดูข้างในครับ ไม่ใช่นั่งดื่มกาแฟในห้องแอร์ ผ่านกระจก”
“เจ้าของร้าน เจ้าของโรงงาน คิดออกมาแบบนี้ได้ยังไงก่อน คิดว่าเป็นพี่ป้าน้าอาเรามานั่งให้คนกินกาแฟดู โดนถ่ายรูปติดลง social คงน่าสงสารไม่น้อย”
”ดูจากการนั่งหันหลัง ส่วนตัวคิดว่าพวกเขาคงรู้สึก Shame แน่นอนค่ะ ทุก ๆ วันมีมนุษย์เหมือนพวกเขา เหมือน… แต่ก็อยู่คนละโลก ใช้สายตามองพวกเขาเหมือนเป็นสิ่งเอ็นเตอร์เทน… แต่เขาคงไม่มีทางเลือก ซึ่งการไม่มีทางเลือก ไม่สามารถเคลมได้ว่า “วิถีชีวิต” ตามแคปชั่นคุณ จขพ.ค่ะ”
Human Zoo ความคิดตื้นเขิน
อย่างไรก็ตาม แม้โพสต์นี้จะถูกเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ดร.นิค เจ้าของโพสต์ก็ได้ออกมาชี้แจงใต้คอมเมนต์ ระบุว่า “เพิ่งได้เห็นคอมเมนต์ที่หลากหลาย ก่อนอื่นขอ respect วิถีชุมชนที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมและอาชีพที่หลากหลาย และต้องขอบคุณร้านค้า คาเฟ่ ต่าง ๆ ที่ทำให้คนทั่วไป ได้มีโอกาสเห็นวิถีชีวิตจริง
ซึ่งยังดำรงอยู่ เหมือนคาเฟ่ไร่ชา ร้านคาเฟ่เถียงนา ร้านคาเฟ่ศูนย์ทอผ้า ฯลฯ หลายที่เปิดโอกาสให้คนเข้าไปมีส่วนเรียนรู้ หรือมีส่วนในกิจกรรม
เราไม่เห็นด้วยกับคำว่า Human Zoo เพราะแสดงถึงความคิดตื้นเขินแบบมองทุกอย่างเหมารวมของผู้พูด และเป็นการย่ำยีหัวใจคนที่นั่งทำงานอยู่ เค้ามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ต้องเคารพในวิถีชีวิตเค้าค่ะ และขอบคุณที่ได้ร่วมแบ่งปันวิถีชีวิตให้คนรุ่นหลังได้ดู
คุณยายเราเคยเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานยาสูบ ทั้งคัดและแยกใบยา ได้เห็นแล้วได้ย้อนนึกถึงตอนเด็ก ๆ ที่เคยไปวิ่งเล่นในโรงงานยาสูบด้วยค่ะ”
ตั้งใจสะท้อนธุรกิจครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากกระแสออนไลน์ที่กำลังดุเดือดในขณะนี้ ทางร้านคาเฟ่ Yen.CNX ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของทางร้าน ระบุว่า ตกใจที่หลายคนเข้าใจคลาดเคลื่อนจากเจตนาที่ตั้งใจถ่ายทอดวิถีชีวิตของธุรกิจครอบครัว
เดิมทีครอบครัวของทีมผู้บริหารทำโรงงานยาสูบสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ และล่าสุดคือ อา ผู้บริหารจึงตั้งใจออกแบบคาเฟ่สะท้อนจิตวิญญาณอาชีพดั้งเดิมของครอบครัว ตั้งแต่การปลูกใบยา การบ่ม และการคัดใบยาสูบ พร้อมเน้นย้ำว่า ทางร้านไม่ได้มีเจตนาทำเพื่อความบันเทิง หรือลดทอนคุณค่าของอาชีพใด ๆ หรือเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้ใดทั้งสิ้น
ข้อความทั้งหมดระบุว่า “เรียนทุกท่าน
จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทางร้านได้รับทราบข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต้องขอเรียนตามตรงว่า พวกเรารู้สึกตกใจไม่น้อยที่หลายท่านอาจเข้าใจเจตนาของการเปิดร้านคาเฟ่แห่งนี้คลาดเคลื่อนจากสิ่งที่เราตั้งใจไว้
ทางร้านจึงใคร่ขอชี้แจงด้วยความเคารพว่า พื้นที่ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านนั้น เดิมเป็นสถานที่ประกอบธุรกิจโรงงานคัดใบยาสูบที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของครอบครัวเรา ดำเนินกิจการต่อเนื่องมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ สืบทอดมาสู่รุ่นคุณพ่อ และปัจจุบันดำเนินงานโดยคุณอาของดิฉัน
ดิฉันเองก็มีความตั้งใจจะสานต่อสิ่งที่บรรพบุรุษของเราร่วมกันสร้างไว้ แต่ในรูปแบบที่เปิดกว้างให้ผู้คนได้เข้าถึงและเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์แห่งนี้ จึงเกิดเป็นแนวคิดในการทำร้านอาหารและคาเฟ่ขึ้นมา โดยคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของโรงงานดั้งเดิม
เราได้ว่าจ้างนักออกแบบที่มีแนวทางอนุรักษ์ความงามของสถาปัตยกรรมเดิมอย่างจริงจัง เพื่อออกแบบพื้นที่ให้สามารถเล่าเรื่องราวของอดีต ผ่านโครงสร้างเดิมและห้องจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ตั้งแต่การปลูกใบยา การบ่ม และการคัดใบยาสูบ ซึ่งในช่วงฤดูกาลเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม ยังมีการดำเนินงานคัดใบยาจริง โดยคนงานดั้งเดิมที่มีทักษะเฉพาะทาง ไม่ได้ว่าจ้างเพื่อแสดงโชว์ แต่เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นจริงทุกปี พร้อมค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
คาเฟ่แห่งนี้ไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อความบันเทิง แต่ตั้งใจจะเป็นพื้นที่สำหรับการเรียนรู้ ถ่ายทอดเรื่องราวของอาชีพที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเคารพในศักดิ์ศรีของทุกแรงงานเสมอมา
พวกเราขอยืนยันด้วยความจริงใจว่า ไม่เคยมีเจตนาในการลดทอนคุณค่าของอาชีพใด ๆ หรือเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้ใดทั้งสิ้น ตรงกันข้าม เราเชื่อมั่นว่า ทุกอาชีพล้วนมีคุณค่า และทุกคนมีศักดิ์ศรีที่ควรได้รับการเคารพอย่างเท่าเทียม
สุดท้ายนี้ ทางร้านขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นที่มอบให้กับเรา เราจะนำข้อเสนอแนะไปพัฒนา และจะดำเนินธุรกิจด้วยความเคารพ ความตั้งใจ และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างดีที่สุดเสมอมา
ด้วยความเคารพและจริงใจ
ทีมงานผู้บริหารและผู้ก่อตั้งร้าน”
สังคมยังเดือด ความต่างชั้นสังคม
ทั้งนี้ คอมเมนต์ใต้โพสต์ชี้แจงของทางร้านก็ยังคงดุเดือดแม้ว่าทางร้านจะชี้แจงเจตนารมณ์ของตนเอง ขณะที่โลกออนไลน์มองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีภาพลักษณ์ที่น่าหดหู่ที่ต้องจิบกาแฟ หรือถ่ายรูปไปพร้อมกับมีคนงานอยู่เบื้องหลัง กลายมาเป็นเส้นบาง ๆ ของการแบ่งชนชั้นทางสังคม และสิทธิของมนุษย์ต่อการอำนวยความสะดวกในการทำงาน มากกว่าการแสดงความดั้งเดิมของประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดี มีคอมเมนต์บางส่วนเสนอให้จัดสัดส่วนรูปแบบใหม่ แยกส่วนของการทำงานออกไปจากคาเฟ่ เพื่อไม่ให่เกิดความรู้สึกไม่ดีของลูกค้าและพนักงาน และแสดงวิถีชีวิตที่ดีของคนทำงานมากกว่านี้ โดยคอมเมนต์บาางส่วน ดังนี้
“สานต่อได้ครับ แต่ควรทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไหมครับ หรือแยกสัดส่วนกันไปเลย จิบกาแฟเสร็จค่อยไปชมเดินไปดูได้ แต่ไม่ใช่มารวม ๆ แบบนี้ ดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”
“เส้นบาง ๆ ของคำว่าแบ่งชนชั้นค่ะ อีกคนนั่งสวย ๆ จิบกาแฟในห้องแอร์ นั่งมองคนทำงานผ่านกระจก คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอคะตอนมองออกไป และสิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐานคุณยังไม่มีเลย ให้มาถ่ายรูปติดคนอื่นเอามาลงโซเชียล ใช่ว่าทุกคนอยากจะออกกล้องหรือออกสื่อ”
“ตกใจทำไมก่อน คิดมาดีขนาดนี้ไม่ควรตกใจ”
“การใช้มนุษย์เป็นแบ็กกราวนด์ร้านอาหารมันน่าหดหู่ครับ ลองคิดแค่ว่าถ้าร้านอาหารหรูที่ประดับร้านด้วยรูปถ่ายคนใช้แรงงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารเลยแค่นั้นก็หดหู่พอแล้ว แต่อันนี้คนเป็น ๆ นั่งหายใจตรงนั้นเลย”
“ขอเสนอแนวคิดนะครับ การโชว์วิถีชีวิตที่ดี มันต้องเป็นการโชว์วิถีชีวิตที่คุณภาพไม่ได้แย่กว่ามาตรฐานของช่วงเวลาของสังคมโดยรวมในตอนนั้นครับ ถ้าภาพนี้เกิดเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ผมว่าคงไม่มีใครว่าอะไร แต่นี่ปี 2025 และสังคมพัฒนาไปไกลมากแล้ว มีเทคโนโลยี มีสถานที่ทำงานที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และสะดวกสบายขึ้น
ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนจำนวนมากตกใจคือ fact เล็ก ๆ ข้อเดียวเลย คือทำไมโรงงานไม่ตั้งโต๊ะให้คนงาน การนั่งกับพื้นแบบนี้ดีต่อร่างกายหรือไม่ ลำบากเกินจำเป็นและเกินไปสำหรับโลกปี 2025 หรือไม่ โต๊ะเก้าอี้แพงมากจนโรงงานไม่สามารถ afford investment ตัวนี้ได้เลยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็เชื่อมโยงกลับมาหาประเด็นเรื่อง workers’ rights อะครับ
ลองนึกภาพนะครับ เราเปลี่ยนภาพนี้เป็นคุณผู้หญิงถ่ายสวย ๆ เหมือนเดิม แต่ข้างหลังเห็นคุณป้าคุณน้านั่งบนเก้าอี้และทำงานบนโต๊ะแยกสินค้าที่สวยงามมี uniformity ทุกคนใส่ชุด uniform พื้นบ้านเก๋ ๆ มีกระติกน้ำตั้งบนโต๊ะ ยิ้มแย้มแจ่มใส ผมว่าทุกคนจะกด like กด love แทนที่จะมาพิมพ์ criticize คุณลองดูนะครับ ถ้าปรับประเด็นนี้ได้ผมว่าคนจะไปเยี่ยมชมร้าน/โรงงานอีกเยอะเลย good luck ครับ”
“หดหู่อะ ถึงกับต้องตั้งคำถามว่า มองแล้วกินอร่อยขึ้นหรอคะ ??”
“แปลกดีนะ คนทำงานในโรงงานกลับถูกทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ เหมือนเป็น “วิวประกอบ” โดยไม่รู้ตัว ทั้งที่พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาให้ใครมอง หรือกลายเป็นองค์ประกอบเพื่อเสริม aesthetic ของร้าน มันสะท้อนความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มาใช้บริการคาเฟ่ กับคนที่อยู่เบื้องหลังฉากนั้นอย่างชัดเจน
ยิ่งถ้าคาเฟ่ตั้งใจออกแบบหรือโปรโมตให้ลูกค้ามานั่งจิบกาแฟไป ชมคนทำงานไป มันก็แทบจะเข้าใกล้แนวคิดของ “human zoo” เข้าไปทุกที”
“บางคนอาจจะเถียงว่า ก็เหมือนดูเชฟทำอาหาร หรือดูบาริสต้าแหละ แต่ลองมองให้ดีสิคะ ฉากหลังในที่นี้คือผู้สูงอายุ หรือคนที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งไม่ได้ทำงานในสายโชว์หรือบริการโดยสมัครใจ การเปรียบเทียบแบบนั้นมันไม่แฟร์เลย และมันยิ่งตอกย้ำว่า คนที่รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ อาจจะกำลังขาด empathy อยู่เงียบ ๆ ก็ได้นะคะ”