อย.แจงงูกัดใช้พริกขี้หนูตำกับยาสูบพอกแผลแล้วดูดพิษ “มั่ว” !!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไชต์ องค์การอาหารและยา(อย.)ได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่า เรื่องแชร์มั่วมาอีกแล้ว อย.เช็คแล้ว ข่าวแชร์ที่ว่า ถ้าถูกงูกัดให้นำพริกขี้หนูตำกับยาสูบ แล้วเอาไปพอกตรงที่งูกัด จะสามารถช่วยดูดพิษงูได้ ไม่เป็นความจริง!!! ชัวร์

“พริก” มีสารสำคัญคือ แคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อนและยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ โดยพริกมีประโยชน์คือ ช่วยย่อยอาหาร ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น, ลดการอุดตันของหลอดเลือด, ลดไขมันในเส้นเลือด และบรรเทาอาการเจ็บปวด เป็นต้น

“ยาสูบ” มีส่วนประกอบสำคัญคือ นิโคติน ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อเสพในขนาดที่ต่ำ จะกระตุ้นระบบประสาททำให้รู้สึกมีความสุข แต่ถ้าเสพในปริมาณสูงจะมีผลต่อระบบประสาทที่ไปควบคุมระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการหลั่งสาร ผลที่แสดงออกทางร่างกายที่พบคือ อาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง

ซึ่งทั้งสองอย่างไม่สามารถนำมาล้างพิษงูได้เด็ดขาดเพราะพิษจะเข้าสู่กระแสเลือด ทำลายระบบประสาท หลอดเลือด และเนื้อเยื่อ โดยการกำจัดพิษ จำเป็นต้องเข้าพบหมอเพื่อรับเซรุ่ม แต่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกต้องได้ดังนี้! วิธีที่ถูกต้องเวลาถูกงูกัดคือ

1. ควรดูให้แน่ใจว่างูที่กัดเป็นงูอะไร พยายามจดจำ สี รูปร่าง ลักษณะศีรษะ
2. ใช้เชือกรัดเหนือบริเวณที่ถูกกัดเล็กน้อย ไม่ควรรัดแน่น เนื่องจากจะทำให้เนื้อบริเวณนั้นขาดเลือด
3. ควรให้บริเวณที่ถูกกัด มีการขยับน้อยที่สุด หรือเป็นไปได้ควรยึดติดกับอุปกรณ์ที่ป้องกันการขยับ
4. ควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือล้างแผล ไม่ควรใส่ยาสมุนไพร เพราะจะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น
5. ไม่ควรให้ดื่มสุรา หรือยาที่มีสุราเจือปน
6. อย่าใช้ปากดูด หรือกรีดแผล หรือรีดแผล รวมถึงการใช้ไฟฟ้าจี้ เนื่องจากจะทำให้แผลมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
7. รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแต่เบื้องต้น ไม่ควรรักษาเอง หรือทานยาเอง
8. ระหว่างนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล คอยสังเกตอาการที่ผิดปกติ เพื่อจะได้บอกแพทย์ได้อย่างถูกต้อง

โดนงูกัด ควรรีบปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและพาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่ทำตามสูตรนู่นโปะนี่ ยิ่งทำให้เสียเวลา และอาจได้รับอันตรายจนถึงชีวิตเลยนะ

ที่มา:มติชนออนไลน์