จากกรณีมีการแชร์ข้อควาวมจากผู้ใช้ฟชบุ๊ก “ครู ผู้สร้าง ที่ยิ่งใหญ่” ซึ่งเป็นข้อความระบุถึงกลโกงของมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ ที่ในโลกของการขายสินค้าออนไลน์ ที่พบว่าขบวนการดังกล่าวนั้นใช้วิธีแพคสินค้าราคาถูกแล้วส่งไปยังผู้รับ ใช้วิธีการเรียกเก็บเงินปลายทาง โดยผู้สั่งไม่ได้สั่ง โดยมีข้อรับระบุว่า
ต่อมา นายวันชัย รุจนวงค์ อัยการอาวุโส ได้โพสต์ ข้อความเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า การส่งของที่ไม่มีใครสั่งด้วยการเอาของราคาถูกๆ มาใส่ แล้วไปเรียกเก็บเงินปลายทางแพงๆ เป็นการหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์ เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ถ้าส่งไปเยอะๆ เกินสิบคนขึ้นไป เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คนที่ถูกหลอกเอาเงินไป ต้องไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี กับคนที่ส่งซึ่งจะต้องมีชื่อที่ระบุไว้กับบริษัทที่รับส่ง
ซึ่งส่วนใหญ่ใช้บริษัท…. ถ้าไม่มีการจดหมายเลขบัตรประชาชนผู้ส่งไว้ ….อาจมีความผิดฐานร่วมรู้เห็นใจหรือสนับสนุนการฉ้อโกงและต้องรับผิดชอบในความเสียหายจากการถูกหลอกลวงด้วย เป็นที่น่าสงสัยว่าบริษัทหรือกลุ่มคนที่ส่งของพวกนี้จะมีส่วนแบ่งพิเศษนอกจากค่าส่งให้บริษัทเคอรี่หรือพนักงานที่ส่งของของเคอรี่
- แคดเมียมมีดีอะไร ทำไมแค่กากยังมีคนอยากได้?
- เช็กเงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนเมษายน 2567 เงินเข้าวันไหน
- ปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพ ข้าราชการ 4 กลุ่ม เริ่ม 1 พ.ค.นี้
เพราะพนักงานจะพยายามตื๊อให้ผู้รับของที่ไม่อยากรับให้ยอมจ่ายเงินแล้วรับไว้ ใครโดนหลอก แจ้งความได้เลยในฐานฉ้อโกง ชื่อคนส่งมีอยู่ที่บริษัทเคอรี่ ถ้าไม่ใช่ตัวการแต่รับจ้างเขามาส่ง ก็ตามได้ว่ารับจ้างใครมา. ไล่กันขึ้นไปเป็นทอดๆ
ขอเพียงให้ไปแจ้งความเท่านั้น แล้วตามกฎใหม่ ไปแจ้งความโรงพักไหน ก็ได้หมดขอให้เอากล่องที่ส่งมาและของภายในไปแจ้งความตำรวจจะได้ดำเนินคดีกับพวกส่งของนี่ฐานฉ้อโกงถ้าส่งเกินสิบกล่องหรือส่งประจำ (รวมกันแล้วเกินสิบกล่อง) ก็เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
โทษหนักขึ้นไปอีก
ถ้าไปแจ้งความแล้วตำรวจไม่รับแจ้ง ให้แจ้งเป็นหนังสือให้มีหลักฐานดำเนินการกับตำรวจที่ไม่ยอมรับแจ้งอีกที