วันนี้ (25 ม.ค.)กรณี ผู้สื่อข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อความ หลังไม่สามารถนำหน้ากากกันฝุ่นพิษที่สั่งซื้อจากต่างประเทศมาใช้ในครอบครัวได้ เพราะติดศุลกากร ที่ไม่ยอมให้นำออก แม้จำนวนของสินค้าจะไม่ได้ถือว่าเป็นสินค้า รวมถึงตัวแทนนำเข้า ระบุว่า เจ้าหน้าที่ขอให้นำใบรับรองแพทย์ไปยืนยัน โดยสเตตัสดังกล่าว มีผู้แชร์ต่อจำนวนมาก และเป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด กรุณา บัวคำสี ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ชี้แจง ล่าสุดผ่านเฟสบุ๊ก Karuna Buakamsri เล่าว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากร ชี้แจงแล้ว ระบุว่า
รายงานความคืบหน้าเรื่องหน้ากากกันฝุ่นพิษที่ติดอยู่สนามบินค่ะ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เจ้าหน้าที่เขียนมาชี้แจงแล้วค่ะว่า กรณีของดิฉัน คือการนำเข้าไม่เกิน 24 ชิ้น ทางตัวแทนเช่น UPS หรือ DHL สามารถยื่นขออนุญาตกับทาง อย. ที่มีจุดบริการที่สนามบินได้เลย
ถ้านำมามากกว่านั้นจะถือเป็นการค้า ขั้นตอนการปฏิบัติจะเป็นอีกแบบหนึ่ง
เข้าใจว่าทาง UPS กำลังไปดำเนินการ ส่วนที่บอกว่าต้องใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยนั้น ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร กำลังรอให้ทาง UPS ชี้แจง
ขอบพระคุณเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรที่ชี้แจงค่ะ
ปล. มีบางเวปไซด์นำโพสต์ดิฉันไปลงและมีการคอมเมนท์ว่า จะไม่ยอมเสียภาษีใช่หรือไม่ ขอชี้แจงว่า การซื้อของแบบนี้นี้เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยถูกต้องทุกประการค่ะ คนที่วิพากษ์เรื่องภาษีถือว่าวิพากษ์ผิดประเด็นค่ะ
ประเด็นที่อยากชวนถกเถียงคือ ถ้าเราคิดว่ามลพิษทางอากาศที่เราเผชิญอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว เราควรจะมีวิธีหรือมาตรการเพื่อเอื้อให้คนที่ต้องการป้องกันตัวเองสามารถทำได้อย่างสะดวกหรือง่ายขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะกับเด็กๆ
หากเราอยู่ในภาวะวิกฤต วิธีการที่ใช้เดิมๆไม่มีทางแก้ได้ เพราะมันคือภาวะวิกฤต และการออกมาตรการเพื่อบรรเทาวิกฤตก็ไม่จำเป็นต้องฝืนกฎหมาย
เท่านั้นเองประเด็นของดิฉัน ส่วนภาษีไม่เคยเลี่ยง จ่ายครบทุกบาททุกสตางค์
