เมื่อวันที่ 23 มีนาคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยจั่วหัวเรื่องไว้ว่า หลัง 24 มีนา ใคร จะโกหกประชาชน?
หลายสื่อติดต่อผมให้วิเคราะห์การเมืองก่อนเลือกตั้ง ต้องขออภัยที่ไม่ได้ไป เพราะส่วนสำคัญอยู่หลังวันเลือกตั้งมากกว่า นโยบายที่โอ้อวด ประชันวิสัยทัศน์ ไหนเลยจะสู้เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาลได้?
1.ประชาธิปัตย์คะแนนจะลด เพราะ “ไม่เอาลุงตู่” ภาคใต้จะถึงคราวถูกตีแตก เพราะหอกข้างแคร่อย่างสุเทพที่ถูก “ตัดหางปล่อยวัด”
อนาคตใหม่คะแนนจะมาแน่ เพราะเป็นของใหม่ รุ่นใหม่ คนไทยชอบ แต่ความที่อีโก้สูง ไม่เคยทำงานการเมือง ทำให้เข้ากับนักการเมืองรุ่นเก่าลำบากเมื่อทำงานในสภา
เพื่อไทยคะแนนไม่ได้มากเหมือนเก่า เพราะดันไปทำให้พรรคตัวเองเล็กลง เดินสะดุดขากับแผนไทยรักษาชาติ เครือข่ายที่เหลือ ทำไม่ได้ตามเป้า แล้วยังติดล็อครัฐธรรมนูญที่กันพรรคใหญ่ ไม่ให้มี ส.ส. มากเกินไป ที่เรียกกันว่า “จำนวน ส.ส. ที่พึงมี”
พลังประชารัฐ + ประชาธิปัตย์ สูสีกับ เพื่อไทย + เครือข่าย ดังนั้น ต่างคนต่างต้องไปรวบรวมพันธมิตรให้เร็วที่สุด พรรคกลางๆจึงดูมีราคา ติดที่พรรคอนาคตใหม่ ที่มีเงื่อนไขในการเข้าร่วม ครั้นจะไปร่วมกับเพื่อไทยง่ายๆ ก็จะไปกระทบฐานเสียง “คนรุ่นใหม่”
2.ลุงตู่อาจไม่ได้เป็นนายกฯ แต่จะได้แคนดิเดตนายกฯ “ตาอยู่” มาเสียบแทน เพื่อลดแรงเสียดทานของเงื่อนไขที่แต่ละพรรค ไฝว้ไป ไฝว้มา
เพื่อไทย ไม่เอา ประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ ไม่เอา เพื่อไทย
เพื่อไทย ไม่เอา พลังประชารัฐ
ประชาธิปัตย์ เอา พลังประชารัฐ แต่ไม่เอา ลุงตู่
จนอาจทำให้ต้องมีผู้ใช้ปาฏิหาริย์ หรือตบโต๊ะ “หากไม่เอาแบบนี้ ก็ไม่ต้องเอาเลย!”
3.ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลผสมที่มีหลายพรรค ร้อยพ่อพันแม่ วุ่นวาย ควบคุมลำบาก ต่างคนต่างมาด้วยเงื่อนไขเดียวกันว่า “ถ้าไม่มีกู มึงก็ไม่ได้เป็น” ทำให้รัฐบาลใหม่นี้อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี แล้วก็มีการเลือกตั้งใหม่อีก
4.หากลุงตู่ไม่ได้เป็นนายกฯ ผีดิบจะคืนชีพ “สุเทพ” จะเป็น “จรเข้ขวางคลอง” ขัดทุกเรื่อง เร่งให้รัฐบาลล้มเร็วยิ่งขึ้น ถือโอกาสชัตดาวน์กรุงเทพฯกันอีก
5.ประชาชนจะได้ฟังวาทกรรมโกหกจากนักการเมืองคนใดคนหนึ่งว่า
“จำเป็นต้องร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้”
“หลังเลือกตั้ง” ฝุ่นคงตลบ และคงมีใครสักคนได้ “โกหกประชาชน”