อ.เจษฯ เตือน! แมงดาถ้วยมีพิษ เสี่ยงอันตรายต่อระบบประสาทไม่ควรกิน

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant เกี่ยวกับข้อมูลการกินแมงดาถ้วย โดยระบุข้อความว่า

มีคนฟ้องว่า รายการทีวีหนึ่งทางช่องยูทูป เอาเมนู “ไข่แมงดาถ้วย” มานำเสนอ ผมเลยขอเอาบทความเก่าที่เคยเขียนไว้ มารีโพสต์นะครับ ว่า “แมงดาถ้วย” ก็เป็นแมงดาหางกลมนะครับ พวกเดียวกับแมงดาไฟ หรือ เหรา (เห-รา) ซึ่งผู้ที่กินเข้าไปนั้น มีโอกาสสูงที่จะได้รับพิษพวกเตตราโดท็อกซิน ที่เป็นอันตรายต่อระบบประสาทและอาจถึงแก่ชีวิตได้

เดี๋ยวนี้ “แมงดาจาน (แมงดาหางเหลี่ยม)” ที่ไม่มีพิษนั้น โดนคนจับกินกันไปเยอะมากจนหายากขึ้นทุกที และทำให้ชาวบ้านมักจะจับเอา “แมงดาถ้วย” มาขายให้เรากิน ซึ่งไม่ควรจะทำนะครับ แม้ว่าจะอ้างว่าเอาไปต้มแล้ว (แต่สารพิษนั้นทนความร้อนสูง) หรือมีวิธีตัดเส้นพิษออก (แต่พิษมันกระจายอยู่ทั้งในไข่และอวัยวะอื่นทั่วตัว) .. แถมว่าทำมาเป็นยำไข่แมงดาขายแล้ว คนกินก็จะเห็นแต่ไข่ ไม่รู้เลยว่าเค้าเอามาจากแมงดาชนิดไหน

จริงๆ ถึงเป็นแมงดาจาน ก็ควรจะเลิกกินได้แล้วนะ ผมว่าช่วยกันอนุรักษ์ไว้หน่อย ก่อนที่จะหมดทะเลไทย

“แมงดาถ้วย ก็มีพิษนะ ไม่ควรกินครับ”

อันนี้เรื่องใหญ่นะ มีคนฟ้องมาว่า ไปดูรายการท่องเที่ยวชิมอาหารของทีวีช่องหนึ่ง แล้วเค้าพาไปดูชาวบ้านจับแมงดาเอาไข่มาทำอาหาร แต่ในรายการนั้น ใช้ “แมงดาถ้วย” ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ไม่อันตราย กินได้ คนละชนิดกับ “แมงดาไฟ (หรือ เห-รา)” เพราะดูที่ตาเป็นสีดำ ไม่ได้เป็นสีแดงเหมือนแมงดาไฟ …อันนี้ ผิดๆๆๆ เลยนะครับ แมงดาถ้วย ก็มีพิษ อันตรายไม่แพ้แมงดาไฟนะ !!

จริงๆ แล้ว แมงดาถ้วย กับ แมงดาไฟหรือเห-รา เนี่ย มันก็พวกเดียวกันแหล่ะครับ … “แมงดาทะเล” ในประเทศไทยมีอยู่ 2 ชนิด คือ แมงดาถ้วย หรือ แมงดาไฟ หรือเห-รา (Carcinoscorpius rotundicauda ) ซึึ่งเป็นแมงดาทะเลที่มีพิษจากสาร tetrodotoxin เตตราโดท็อกซิน และแมงดาจาน (Tachypleus gigas) ซึ่งเป็นแมงดาทะเลที่ไม่มีพิษ และชาวบ้านนำมาทำเป็นอาหารได้

โดยทั่วไป แมงดาถ้วย ตัวจะเล็กกว่า หางจะกลมและเรียบ ส่วนแมงดาจาน ตัวจะโตกว่า หางจะเป็นสามเหลี่ยม มุมด้านบนของสามเหลี่ยมจะเป็นรอยหยักชัดเจน

การเป็นพิษจากการรับประทานไข่แมงดาทะเลนั้น จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการชาตามปาก แขนขา แล้วตามด้วยอาการอัมพาต หรืออาจเสียชีวิตจากการหยุดหายใจเนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจไม่ทำงาน เพราะสารพิษ tetrodotoxin หรือ saxitoxin จะยับยั้งการทำงานของ sodium channel ในกล้ามเนื้อโดยตรง

สาเหตุส่วนใหญ่ที่คนพลาดไปกินแมงดาถ้วยกัน ก็เพราะความเชื่อผิดๆ ของชาวบ้านแบบนี้แหล่ะว่า “ตัวเห-รามีพิษ แต่แมงดาถ้วยไม่มีพิษ” “ตัวเห-รามีขนและตาแดง แมงดาถ้วยไม่มีขนและ ตาดำ” ซึ่งผิด

แถมหลังๆ นี้ จำนวนของแมงดาจานมีน้อยลงอย่างมาก ขณะที่พบแมงดาถ้วยเพิ่มขึ้น (ในอัตราส่วนแมงดาจานต่อแมงดาถ้วย ถึง 1 : 100) ซึ่งผมเดาว่า ก็เพราะเราจับแมงดาจานมากินไข่กันเยอะเกินไปแล้ว จำนวนประชากรมันเลยลดลง

บางคนแย้งว่ากินแมงดาถ้วยแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไร คือ คุณก็โชคดีนะ ในประเทศไทยเรานี้แมงดาถ้วยมีทั้งตัวที่มีพิษ บางตัวไม่มีพิษ หรือมีพิษประมาณ 30% แต่การที่เราไม่สามารถแยกตัวที่มีพิษกับตัวที่ไม่มีพิษออกจากกันด้วยลักษณะภายนอกได้ จึงไม่ควรกินอยู่ดี

สรุปว่า แมงดาทะเลตัวไหน “หางกลม” เนี่ย ห้ามกินทั้งนั้นนะ ไม่ว่าเค้าจะอ้างว่าเป็นแมงดาถ้วยก็ตาม .. ส่วนรายการทีวีนี้ ก็รบกวนขอให้แก้ไขด้วยเถอะ ไม่งั้นชาวบ้านได้ตายฟรีๆ กันอีกเยอะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง