“พิศณุ นิลกลัด” โพสต์เล่าบันทึก “พยาบาล” คุณแม่ลูกสอง ที่ต้องดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทุกวัน

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 พิศณุ นิลกลัด คอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความน่าสนใจลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  กรณีที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์ว่า…

“คุณหมอที่กรุณาดูแลสุขภาพผมมาเกือบ20ปีแล้ว ส่งเรื่อง
ของสุภาพสตรีท่านหนึ่งมาให้
ผมอ่านแล้วน้ำตาไหลแบบค่อยๆซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
อยากให้ทุกท่านอ่านครับ เป็นเรื่องใกล้ตัวพวกเราทุกคน
————-

ความในใจของพยาบาล
ที่ทำหน้าที่เพื่อชาวไทยทุกคน

เรื่องที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เป็นบันทึกของสุภาพสตรีท่านหนึ่ง
เธอมีอาชีพเป็นพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19ทุกวัน

เธอเป็นคุณแม่ลูกสอง ลูกคนเล็กยังเด็กมาก ทุกวันหลังเลิกงาน กลับบ้าน
เธอต้องเข้าบ้านทางห้องซักผ้าซึ่งอยู่หลังบ้าน อาบน้ำเสร็จจึงพบหน้าลูก
และสามี พูดคุยกันได้ แต่กอดลูกไม่ได้เพราะต้องนั่งห่างกัน2เมตรทั้งๆที่
อยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกัน เธอต้องตอบคำถามลูกคนเล็กวันละเป็นร้อยคำถาม

เวลาตอบคำถามลูก เธอไม่กล้าสบตาสามี
เมื่อได้เวลานอน เธอต้องแยกห้องนอนเดี่ยว
ตอนส่งลูกเข้านอน เธออยากกอดลูกเหมือนที่เคยกอด แต่ทำไม่ได้

เรื่องที่เธอเขียน ทำให้เราได้เห็นชีวิตอีกมุมหนึ่งของคนมีอาชีพเป็นหมอ
พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ยามที่เกิดโรคระบาด

เธอเขียนประโยคสุดท้ายได้ดีแบบผมไม่อยากให้ทุกท่านพลาด

เชิญอ่านเรื่องของเธอครับ
________________________

คืนนี้…เป็นคืนสุดท้ายที่ดิฉันจะได้กอดราตรีสวัสดิ์ลูกหรือจูบสามี จนกว่าพระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าถึงเมื่อไหร่

เป็นที่ยืนยันแล้วว่า ไวรัสกระจายในย่านที่ดิฉันอยู่
การเป็นพยาบาลห้องฉุกเฉิน หมายความว่ามีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก 100%

ดิฉันเพียงแต่อยากจะสื่อถึงทุกคนที่ต้องอยู่แต่ที่บ้านกับครอบครัว จนเบื่อจะแย่ อยากออกไปข้างนอกเต็มทน

บางครั้งเพียงแค่ปรับมุมมองสักเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะช่วยให้คุณมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมี แต่คนอื่นไม่มี

เริ่มจากเวรที่ฉันจะต้องเข้าในวันพรุ่งนี้ ออกเวรแล้วดิฉันจะกลับเข้าบ้านทางประตูห้องซักผ้าซึ่งเปิดเข้ามาจากข้างนอกได้ จะถอดเสื้อผ้ารองเท้าออก เอาทุกอย่างใส่ในเครื่องซักผ้า กดซักโหมดฆ่าเชื้อ ใช้ Clorox เช็คทุกอย่างที่แตะต้อง จากนั้นหยิบผ้าเช็ดตัวที่สามีวางไว้ให้มาคลุมตัวเดินเข้าห้องน้ำ ที่จะเป็นห้องที่หลังจากวันนี้ไปห้ามคนอื่นเข้า

ดิฉันจะอาบน้ำอุ่น เสร็จแล้วจะฆ่าเชื้อทุกอย่างที่แตะต้อง ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วแต่งตัว

เสร็จกระบวนการนี้แล้ว ดิฉันก็สามารถเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นได้ โดยอยู่ห่างจากทุกคนที่ฉันรัก 6 ฟุต แต่จะไม่แตะต้องใครเลย เพราะตลอดทั้งวันดิฉันอยู่ในบรรยากาศที่มีเชื้อแพร่กระจาย ตอนทำงานมีหน้ากากอันเดียวตลอดเวลาที่เข้าเวร 1 วันเป็นอย่างต่ำ ไม่สามารถแน่ใจได้ว่า ความชื้นจากลมหายใจจะทำให้ประสิทธิภาพของหน้ากากลดลงหรือไม่ จึงต้องปฏิบัติตนเสมือนมีเชื้ออยู่ และสามารถแพร่ใส่คนอื่นได้

ดิฉันคุยกับสามี และลูกจากระยะห่างที่ปลอดภัย จะไม่สัมผัสคนที่เป็นที่รักเลย ดิฉันไม่ใช่คนที่ชอบกอดคนอื่น แต่คาดว่าใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า คงมีวันที่ดิฉันอยากกอดใครเหลือเกิน แต่จะไม่สามารถกอดได้ นี่เป็นทางเดียวที่จะปกป้องคนที่อยากกอดได้

ถ้าหิว จะให้ใครสักคนทำอาหารให้ โดยจัดใส่จานชามประเภทใช้แล้วทิ้ง เพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงว่าฆ่าเชื้อหมดเกลี้ยงหรือไม่ จะดื่มน้ำในถ้วยพลาสติก ขณะตอบคำถาม 100 ข้อของลูก และพยายามไม่สนใจสีหน้าสามี อาจจะต้องบอกลูกคนเล็กเป็นครั้งที่ล้านว่า แม่ปลอดภัยดี หลังจากนั้นดิฉันจะ..…กอดลม..…ส่งให้ลูก บอกราตรีสวัสดิ์ เมื่อลูกเข้านอนแล้ว
ดิฉันจะสามารถพูดอะไรกับสามีได้เต็มปากมากขึ้น

แต่ความจริงก็คือ บางทีดิฉันอาจจะต้องโกหกบ้างนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน พอง่วงดิฉันก็จะเข้านอนตามลำพังในห้องที่ห้ามคนอื่นเข้า

ชีวิตดิฉันจะเป็นอย่างนี้ทุกวัน แม้แต่วันหยุด (จนกว่าจะไม่มี) ดิฉันสามารถแพร่เชื้อได้ก่อนที่จะมีอาการ ดังนั้นจนกว่าวิกฤตนี้จะผ่านไป สถานการณ์ในชีวิตดิฉันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บางครั้งดิฉันอาจจะกอดเพื่อนร่วมงาน เพราะเขาก็สกปรกๆกับดิฉัน

แต่ในห้วงเวลาอันหนักอึ้งนี้ ดิฉันจะไม่สามารถได้รับสัมผัสแห่งรักของมนุษย์จากคนที่รักดิฉันที่สุดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลายเดือน ใครเล่าจะรู้ได้ เพราะส่วนนี้อยู่ในมือของประชาชนเป็นผู้กำหนด..

สิ่งที่ดิฉันอยากขอร้องคุณก็คือ
ขณะที่คุณนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน โดยมีลูกอยู่บนตัก
โปรดช่วยให้วิกฤตนี้ จบลงเร็วๆ
ด้วยการไม่ออกไปข้างนอก เว้นแต่จำเป็นจริงๆ
อ้อมแขนของดิฉันว่างเปล่าทุกวัน ไม่เหมือนคุณเลย
ดิฉันเข้านอนคนเดียวทุกวัน

อยู่บ้านเถอะ กอดลูกคุณ นอนกับสามี ทานอาหารในจานกระเบื้อง

ยินดีในสิ่งที่คุณยังสามารถทำได้
แต่เราบางคนทำไม่ได้ ดิฉันทำหน้าที่ของตัวเองอยู่
โปรดทำหน้าที่ของคุณด้วยเถิด…


อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ