อดีตแอร์ฯ-นักข่าวสาว หลงใหลผ้าไหม สร้างแบรนด์ขายสู้โควิด

ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร “ผ้าไหม” ยังคงเป็นผ้าพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีความคงทน อายุการใช้งานนาน ทั้งยังมีความสวยงาม ความแวววาว ที่ดึงดูดใจทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ซึ่งต่างนิยมนำมาตัดเย็บเป็นชุดเพื่อสวมใส่กัน

สุภาพร เอ็ลเดรจ” เจ้าของสินค้าจากผ้าไหม แบรนด์ SUPA East Glamor (สุภา อีสต์ แกลมเมอร์) เล่าถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ให้ฟังว่า เดิมเคยทำงานเป็นแอร์โฮสเตส และนักข่าวมาก่อน แต่เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจึงลาออกมาทำแบรนด์ของตัวเอง

“ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด แม่จะพาไปบ้านตา ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ พี่ป้าน้าอาก็ทอผ้ากัน เราเลยซึมซับและชื่นชมความงามของผ้า และทึ่งในกระบวนการทอ รู้สึกว่ามันสวยดีนะ เลยเกิดเป็นความชอบ พอโตขึ้นมีโอกาสเดินทางไปในที่ต่างๆ ไปเจอที่ไหนเขาทอผ้าสวยๆ ก็จะซื้อมาเก็บไว้ตลอด คิดมาเสมอว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากทำเสื้อผ้าเกี่ยวกับผ้าไหมให้มันดูสวยงาม ทันสมัย เพราะผ้าไหมคนจะติดภาพความเก่า ไม่ทันสมัย พอลาออกจากงานเลยได้โอกาส ก็ทำเลย เอาผ้าไปให้ช่างตัด แต่ก็ไม่ถูกใจเราเท่าไหร่ เลยหันมาทำแบรนด์เอง เกิดเป็น SUPA East Glamor ขึ้นมา” สุภาพร เล่า

หลังจากได้ไอเดียต่อยอดมาพัฒนาสินค้าจากผ้าไหมแล้ว เธอก็มีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก

“สินค้าหลักๆจะเป็นที่คาดผมกับหมวกผ้าไหม มีต่างหูนิดหน่อย ด้วยดีไซน์ที่มันเก๋ ทันสมัยและสีสันสดใส เลยดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นได้ค่อนข้างเยอะ เพราะใส่ทำงานได้ ใส่ไปเที่ยวก็ได้ ประกอบกับเป็นแฮนด์เมด เป็นงานฝีมือที่มีไม่กี่ชิ้นในโลก ฉะนั้นราคาจะค่อนข้างสูงนิดหน่อย เพราะผ้าเราก็ซื้อจากมูลนิธิร้านจิตรลดาพวกที่คาดผม เราก็จ้างแรงงานชาวบ้านกับกลุ่มผู้พิการปากแหว่งเพดานโหว่ให้มาปักลาย ช่วยกระจายรายได้ให้ชาวบ้านไปในตัว ตอนทำแบรนด์แรกๆ ไม่รู้หรอกว่ามันจะดีไม่ดี แต่ก็ลองดู เพราะอยากให้คนได้สัมผัสและส่วนหนึ่งก็มั่นใจว่าไปได้ เพราะเรามีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนคือกลุ่มคนที่ชอบผ้าไหม”

แต่เส้นทางของการทำธุรกิจเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วยิ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย ยิ่งทวีความยากลำบากเข้าไปอีก

“เปิดตัวมาได้ประมาณ 2 เดือน กำลังเตรียมจะขายคอลเล็กชั่นใหม่เลย ก็มาเจอโควิด-19 เข้า ก็ปรึกษากับหุ้นส่วนที่เป็นดีไซเนอร์ว่า จะทำยังไงกันดี กระทั่งออกมาเป็นสินค้าเซตสู้โควิด คือเป็นหน้ากากกับที่คาดผม มีต่างหูทำมือด้วยนิดหน่อย พอขายได้ก็เอาเงินไปช่วยบริจาคที่โรงพยาบาล แต่มันก็ไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะคิดว่าคงขายได้แค่ช่วงโควิด

แต่กลายเป็นว่า ลูกค้าจำนวนมาก สั่งซื้อเฉพาะคาดผมผ้าไหม เราเลยมองเห็นว่าไอเทมนี้เป็นสินค้าคลาสสิกที่เราจะขายได้ตลอด จากเซตโควิด ที่ทำเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนในช่วงวิกฤต กลายเป็นไอเทมประจำแบรนด์ และต่อยอดมาเป็นหมวกผ้าไหมสุดฮิต ที่สร้างรายได้หลักให้เราตอนนี้”

สุภาพรยังเผยต่อว่า ที่ทำแบรนด์สินค้าผ้าไหมนี้ขึ้น นอกจากความรักผ้าทอมือ ผ้าไทย และผ้าไหมของเธอแล้ว ยังอยากให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงผ้าไทยมากขึ้น ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ในอนาคตผ้าไทยจะยังได้รับความนิยม และอาชีพช่างทอผ้าจะได้รับการสืบทอดต่อไป

“คนที่มาซื้อของพวกนี้ เป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียลอยู่แล้ว ช่วงโควิดคนอยู่บ้านก็ยิ่งเล่นโซเชียลกันมากขึ้น เราก็ยิ่งโพสต์ลงเพจร้านเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้บางคนอยู่แต่บ้านจนเครียด ก็มาซื้อไปใส่ถ่ายรูปแก้เครียดเหมือนกัน พอไปทำงานได้เขาก็ยังใส่ไปทำงานได้อีก เดือนที่แล้วก็มีรายได้ราวหลักแสนเลย อนาคตก็อยากทำเป็น OEM กับ Costume made เหมือนกัน มีพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ปลอกหมอน เซตผ้ารองจานให้ครอบคลุมขึ้น แต่ตอนนี้ก็กำลังหาดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และเรื่องการเคลือบนาโนกันน้ำอยู่ พี่อยากให้ผ้าไทยจะยังได้รับความนิยม และอาชีพช่างทอผ้าจะได้รับการสืบทอดต่อไป” สุภาพรกล่าวทิ้งท้าย

สามารถเข้าไปดูและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก SUPA East Glamor

ข้อมูล เส้นทางเศรษฐี 

ประชาชาติธุรกิจ นำเสนอซีรีส์ “รวมพลังสู้ โควิด-19” ภายใต้เนื้อหาที่มาจากประชาชน นักคิด นักเขียน ผู้รู้ นักธุรกิจ สตาร์ตอัพ ผู้ประกอบการทุกระดับ ที่นำเสนอแนวคิด ความรู้ และทางออกจากปัญหาไปด้วยกัน