นักเรียนเดินขบวน-ยื่นหนังสือ ศธ.เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ

วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเรียนจำนวนหนึ่งได้นัดกันร่วมเดินขบวน Pride นักเรียน ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อไปยื่นหนังสือให้กระทรวงศึกษาธิการ ขจัดความไม่เท่าเทียมทางเพศ สร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิทธินักเรียน lgbtq+ ด้านทรงผม การแต่งกาย ความเข้าใจที่ถูกต้อง และการไม่เลือกปฏิบัติ

การเดินขบวนเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น. จุดตั้งขบวนบริเวณนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ สิ้นสุดที่กระทรวงศึกษาธิการ

ระหว่างการเดินขบวน บรรดานักเรียนได้ร่วมกันร้องเพลง “ลามะลิลา” ที่มีเนื้อร้องว่า…

ลามะลิลาขึ้นต้นอะไรก็ได้ แต่ตอนลงท้ายต้องเป็นสระอา ลามะลิลาขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นเด็กมีปัญหา ปัญหาไม่ใช่อะไร ก็แค่เพศต่างไป จะทำไมนักหนา นักเรียนมีเพศหลากหลาย แต่ทรงผมมีหญิงชาย นายนางกำหนดมา เส้นผมก็อยู่บนหัวเรา แต่ไปหนักหัวเขา ส่วนที่เบาคือปัญญา เครื่องแบบกำหนดเพศฉัน ชายหญิงเท่านั้น ไม่ยอมพัฒนา พวกเรากลายเป็นโรคจิต เป็นพวกวิปริต เพราะชุดความคิดในตำรา คุณครูเหยียดฉันทำไม พ่อแม่ก็ไม่ใช่ เมื่อไหร่จะออกจากกะลา”

ขณะที่เพลง “ลามะลิลา 2” มีเนื้อร้องว่า…

“ลามะลิลาขึ้นต้นอะไรก็ได้ แต่ตอนลงท้ายต้องเป็นสระอา แบบประเมินยังมีเหยียดเพศ สพฐ.อีทุเรศ เป็นต้นเหตุของปัญหา เรื่องเพศขึ้นอยู่กับจิตใจ ไม่ใช่อวัยวะใด ที่อยู่ใต้หว่างขา อะหรือว่าเป็นประเพณี วัฒนธรรมอันดี ที่สืบสานมา แต่คุณพี่อย่ามาดัจริต ประเทศไทยเมืองบุดดิส แค่วาทกรรมมายา โลกเราพัฒนาไปไกล แต่กระทรวงไม่ไปไหน คุณพี่มาจากปีอะไรค้า ดูเหมือนไม่ใช่ยุคปัจจุบัน แต่มาจากดึกดำบรรพ์ จูราสสิกยังถามหา วันวันคุณพี่นั่งตากแอร์ ไม่เคยสนไม่เคยแคร์ ไม่แยแสปัญหา เด็กๆ เขาพูดกันมากมาย ทั้งทรงผมเครื่องแต่งกาย ไม่ละอายหรือด้านหน้า”

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเพลง “ประวัติศาสตร์” ของ “คริสติน่า อากีล่าร์” และเพลง I will survive ของ Gloria Gaynor ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเพลงชาติของชาว lgbt พร้อมตะโกนประโยคที่ว่า “เราไม่ใช่ตัวประหลาด”

เมื่อนักเรียนเดินทางถึงบริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาเป็นตัวแทนรับหนังสือจากนักเรียน

จากนั้น ตัวแทนนักเรียนเพศหญิงได้นำปัตตาเลียนขึ้นมาไถผมด้านข้าง ขณะที่ตัวแทนนักเรียนเพศชายได้ถอดชุดนักเรียนและกางเกงออก เผยให้เห็นว่าภายในเป็นชุดนักเรียนหญิงและกระโปรง

นอกจากนี้ ยังมีการฉีกหนังสือวิชาสุขศึกษาและเพศศึกษา ที่นักเรียนระบุว่าเป็นหนังสือที่ใบอนุญาตหมดอายุแล้ว โดยหนังสือดังกล่าวไม่มีการปรับแก้เนื้อหาเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งได้สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ

นักเรียนกลุ่มดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้คณะครูอาจารย์ทำความเข้าใจและใช้คำพูดที่ดีกับนักเรียนที่มีความหลากหลายทางเพศ ไม่ใช่การด่าทอ การใช้คำหยาบ หรือคำดูถูกเหยียดหยาม

หลังปลัดกระทรวงศึกษาธิการรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนนักเรียนแล้ว ได้กล่าวว่า เข้าใจดีเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสังคม หลายเรื่องจะยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆ ไม่ได้ แต่กระทรวงศึกษาไม่ใช่กระทรวงที่จะมากำหนดวิถีชีวิตเพียงกระทรวงเดียว การจะปรับแก้ต้องมีการประชุมหารือกับหลายๆ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง

ปลัดกระทรวงศึกษาฯ ยังกล่าวถึงเรื่องทรงผมว่า การเปลี่ยนระเบียบที่ผ่านมา ใช้เวลา 20-30 ปี แต่เมื่อเปลี่ยนแปลง หากคิดว่ายังไม่สมบูรณ์ก็พร้อมจะประชุมหารือกันเพื่อดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องไปเรียนกับรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อนักเรียนถามว่าในฐานะปลัดกระทรวงฯ จะสามารถยืนยันและระบุเวลาได้หรือไม่ว่าข้อเรียกร้องจะเป็นจริง นายประเสริฐ ตอบว่า ไม่สามารถตัดสินใจเพียงลำพังได้ โดยจะรีบจัดการให้เสร็จภายใน 2-3 เดือน

เมื่อนักเรียนขอให้กล่าวคำสาบานต่อหน้าสื่อมวลชน นายประเสริฐ ยืนยันว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศช่วงท้ายเริ่มตึงเครียด เมื่อนักเรียนทวงถามเรื่องความเห็นของนักเรียน ที่ไม่ได้รับการบรรจุไว้ในกฎเรื่องทรงผมเลย ทำให้กฎเรื่องทรงผมที่ประกาศใช้แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด

นายประเสริฐ ยืนยันว่า ทั้งหมดคือกติกาทางสังคม ไม่ถือเป็นการลิดรอนสิทธิ โดยทางกระทรวงศึกษาฯ ได้ออกระเบียบแบบกลางๆ เพื่อให้ทางโรงเรียนได้ไปออกระเบียบเอง