ที่มาแบนฟรายส์ดังในทวิตเตอร์ ชาวเน็ตโยงล้อ “โตโต้” ถูกรวบ

โปเตโต้คอร์เนอร์ออกแถลงการณ์

งานเข้าฟรายส์คลุกผงชื่อดัง หลังชาวเน็ตจวกเมคฟัน “โตโต้ ถูกรวบ” ล่าสุดแบรนด์ออกมาชี้แจง ไม่ได้มีเจตนาเสียดสีหรือล้อเลียนทางการเมือง ย้ำแบรนด์สนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย 

วันที่ 6 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ดอาสา we volunteer หรือ wevo ไลฟ์เหตุการณ์ขณะตนเองพร้อมเพื่อนรวม 4 คน ซึ่งอยู่ที่ลานจอดรถ ในเมเจอร์รัชโยธิน ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบและตำรวจควบคุมฝูงชนพยายามเข้ามาจับกุม โดยไม่มีการแสดงหมายจับ ทั้งที่เจ้าตัวยืนยันว่ามารับประทานอาหารและกำลังจะขึ้นรถกลับ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ขณะที่ร้านเฟรนช์ฟรายส์ชื่อดัง มีการโปรโมทสินค้าด้วยข้อความว่า โดนแจ้งข้อหา ฟรายส์อร่อยเกินไป พร้อมระบุว่า น้องโตโต้ (นามสมมติ) ถูกจับกุม ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในโลกโซเชียล เนื่องจากชาวเน็ตมองว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่แบรนด์กลับฉวยโอกาสที่มีคนถูกจับเพื่อโปรโมทสินค้าตัวเอง

นอกจากนี้ ยังมีการแชร์ทัศนคติของเจ้าของร้านเฟรนช์ฟรายส์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังอีกด้วย ส่งผลให้ประเด็นดังกล่าวติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 แซงหน้า #ม็อบ6มีนา 

ภาพจาก มติชน

ล่าสุด ทางแบรนด์ได้ลบโพสต์นั้นทิ้งไปแล้ว ก่อนจะออกแถลงการณ์ชี้แจงระบุว่า กราบอภัยอย่างสูงสุดกรณีโพสต์บนเฟซบุ๊ก ที่เกิดจากความประมาทและผิดพลาดของทีมการตลาด นำมาสู่ความเข้าใจผิดอย่างมาก พร้อมระบุว่า ทันทีที่ทราบเรื่องทางแบรนด์รู้สึกตกใจและเสียใจ ถือเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของบริษัทที่ได้เกิดขึ้น

รวมถึงชี้แจงว่า “น้องโตโต้” ที่เอ่ยถึงนั้นเป็นชื่อของแบรนด์มาสคอต ซึ่งแบรนด์เปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 2562 และใช้ชื่อนี้เป็นตัวกลางในการเล่าเรื่องต่าง ๆ ของแบรนด์ตลอดมา ส่วนโพสต์ที่กำลังถูกพูดถึงวันนี้ ทีมคิดคอนเทนต์ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนา เพียงแต่เป็นความตั้งใจในการนำเสนอรูปแบบใหม่ ๆ โดยยึดธีม reference จากภาพ ๆ หนึ่งบนเว็บไซต์ และอ้างอิงถึงเนื้อหาที่ต้องการสื่อคือ “ฟรายส์คุกผงเจ้าแรกในไทย” โดยมีการบรีฟงานให้กับเอเจนซีตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนตั้งโพสต์นี้ในวันที่ 7 มีนาคม เวลา 11.00 น. รวมถึงได้ตั้งค่าการโฆษณาล่วงหน้าไว้ 1 วัน ก่อนวันโพสต์ตามปกติของการลงสื่อออนไลน์ คือวันที่ 6 มีนาคม 2564 ช่วงบ่าย

พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาอื่นใด และไม่ได้จงใจเสียดสี หรือล้อเลียนทางการเมือง ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความบังเอิญโดยแท้จริง อย่างไรก็ตาม ขอน้อมรับผิดทุกประการและจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำคัญให้กับทางทีมที่ดูแลสื่อออนไลน์

ตอนท้ายย้ำว่า แบรนด์สนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และขอบคุณทุกคน รวมถึงเสียงทางสื่อออนไลน์ที่ทำให้แบรนด์ทราบถึงเหตุการณ์ข้อผิดพลาดครั้งนี้ โดยทางแบรนด์ได้แก้ไขและหยุดโพสต์ดังกล่าวทันที