อย่าเป็นรัฐบาลเลย ปล่อยคนตายเป็นใบไม้ร่วง “หนุ่มเมืองจันท์” โพสต์

สรกล อดุลยานนท์ หรือ นักเขียน คอลัมนิสต์ ชื่อดังนามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์”
สรกล อดุลยานนท์ หรือ นักเขียน คอลัมนิสต์ ชื่อดังนามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์”

นักเขียน คอลัมนิสต์ ชื่อดัง “หนุ่มเมืองจันท์” ระบุ รัฐบาลมีอำนาจเต็มมือ แต่ปัญหาวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพและมีปัญหาการจัดสรร จัดซื้อ

วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 นายสรกล อดุลยานนท์ หรือนักเขียน คอลัมนิสต์ ชื่อดังนามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์” โพสต์ข้อความเรื่องสถานการณ์วัคซีนในประเทศไทย ทั้งเรื่องประสิทธิภาพ จำนวน การจัดสรร และการจัดซื้อ รวมทั้งวิจารณ์รัฐบาลไม่จริงจังในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม

และระบุว่า “เมื่อรัฐบาลชุดนี้มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ปล่อยให้คนไทยตายเป็นใบไม้ร่วงเพราะขาดวัคซีนที่ดีพอ แบบนี้อย่าเป็นรัฐบาลเลยครับ”

ข้อเขียนของหนุ่มเมืองจันท์ ระบุว่า….

สถานการณ์เรื่อง “วัคซีน” ของไทยตอนนี้หนักมากครับ

เรื่องแรก คือ ประสิทธิภาพของ “ซิโนแวค”

นำเข้าช่วงแรก ๆ พอเข้าใจได้ เพราะเกิดการระบาดระลอกที่สอง

แผนวัคซีนของไทยกว่าจะได้ลอตแรกก็คือ เดือนมิถุนายน

อะไรที่นำเข้าได้เร็วที่สุด

คำตอบ คือ “ซิโนแวค”

แต่เมื่อเกิดสายพันธุ์เดลต้าขึ้นมา “ซิโนแวค” รับมือไม่ไหว

จนรัฐบาลต้องจำนนต่อความจริง

ยอมฉีด “ซิโนแวค” เข็มแรก

และ “แอสตร้าเซนเนก้า” เป็นเข็มที่สอง

แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันที่จะนำเข้า”ซิโนแวค” เข้ามาอีก

ลอตล่าสุด 10 ล้านโดส

ไม่แปลกที่คนจะตั้งคำถามว่าเกิดการแปลงสัญชาติของวัคซีนหรือเปล่า

อยู่เมืองจีน เป็น “ซิโนแวค”

แต่พอเข้าเมืองไทย

วัคซีนจีนก็แปลงสัญชาติเป็นวัคซีนไทย

เปลี่ยนจาก “แวค”

เป็น “ไทย”

เรื่องที่สอง รัฐบาลดึงดันที่จะใช้ “แอสตร้าเซนเนก้า” กับ “ซิโนแวค” เป็น “วัคซีนหลัก” ทำให้ไม่จริงจังในการนำเข้าวัคซีนอื่น

เรื่องนี้มีคนพูดเยอะแล้ว

ขอเก็บเอาไว้พูดถึงอีกครั้ง

และเรื่องที่สาม “แอสตร้าเซนเนก้า” ที่เป็น “วัคซีนหลัก” ของเรามีปัญหาเรื่องการผลิตและการจัดส่ง

“ภาพจำ” ที่รัฐบาลบอกเรา คือ เดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส

กรกฎาคม-พฤศจิกายน เดือนละ 10 ล้านโดส

และธันวาคม 5 ล้านโดส

รวม 61 ล้านโดส

คณะกรรมการวัคซีนของไทยวางแผนเรื่องวัคซีนจากตัวเลขนี้มาโดยตลอด

ตอนประชุม ศบค.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ยังเป็นตัวเลขนี้

ตัวเลขเยอะขนาดนี้ก็วางแผนสนุกสิครับ

ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงกล้าประกาศว่าสิ้นปีนี้จะฉีดวัคซีนได้ 50 ล้านคน

เพราะเชื่อว่าเราจะได้ “แอสตร้าเซนเนก้า” เดือนละ 10 ล้านโดส

นั่นคือ เหตุผลหลักที่ทำให้รัฐบาลจึง “เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ” เรื่องวัคซีนไฟเซอร์ และโมเดอร์น่ามาตลอด

จนกระทั่งวันก่อน นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ออกมาแถลงเรื่อง “แอสตร้าเซนเนก้า”

ทำให้เราได้รู้รายละเอียดของสัญญาและกำลังการผลิตจริงของโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์

เข้าใจแล้วว่าช่วงหลัง ๆ ทำไมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทิน และข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ตอบเรื่องนี้ไม่เต็มปากเต็มคำ

เพราะเริ่มเห็นสัญญาณหายนะ

ข้อมูลจริง ๆ ก็คือ

1.ที่เราสั่งซื้อ “แอสตร้าเซนเนก้า” 61 ล้านโดส

ในสัญญาไม่ได้ระบุว่าส่งภายในปีนี้นะครับ

แต่เป็น 61 ล้านโดสภายใน 1 ปี

เมื่อเริ่มส่งมิถุนายนปีนี้ ก็สิ้นสุดน่าจะเป็นพฤษภาคมปีหน้า

2.ตัวเลขที่บอกว่าจะได้แอสตร้าฯ เดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส

ก.ค.-พ.ย. 10 ล้านโดส

และ ธ.ค. อีก 5 ล้านโดส

เป็นแค่ “แผนงาน” ที่เราอยากได้

“แอสตร้าฯ” ไม่ได้สัญญาว่าจะส่งมอบเท่านี้

3.โรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ตอนนี้ผลิตได้เพียง 15 ล้านโดสต่อเดือน หรือ 180 ล้านโดสต่อปี

ไม่ใช่ 20 ล้านโดสต่อเดือนที่รัฐบาลคุยมาตลอด

หมอนครบอกว่า แอสตร้าฯอ้างว่าไทยสั่งซื้อ 61 ล้านโดส จาก 180 ล้านโดสต่อปี

เขาจะแบ่งให้ในสัดส่วนที่สั่งซื้อ

คือ 1 ใน 3

หรือเดือนละ 5 ล้านโดส

น้อยกว่าที่รัฐบาลเคยคุยไว้ครึ่งหนึ่ง

และที่เหลือจะส่งออกไปต่างประเทศ ในภูมิภาคอาเซียนที่ไทยเป็นฐานการผลิตของแอสตร้าฯ

4.จากตัวเลขดังกล่าวแสดงว่าภายในสิ้นปีนี้ เราจะมีวัคซีนแอสตร้าฯ เพียง 36 ล้านโดส

ครอบคลุมประชากร 18 ล้านคน

ตัวเลขที่รัฐบาลบอกว่าจะสั่งวัคซีน 100 ล้านโดสภายในปีนี้

ฉีดคนไทย 50 ล้านคน ภายในสิ้นเดือนธันวาคม

รัฐบาลคิดจะใช้ “แอสตร้าฯ” เป็นวัคซีนหลัก

ถ้าได้ 61 ล้านโดส ตามที่ฝันไว้ก็คงไม่มีปัญหา

แต่พอเหลือแค่ 36 ล้านโดส

เราก็ต้องซื้อวัคซีนอื่นมาทดแทน 64 ล้านโดส

เราได้ “แอสตร้าฯ” จากการบริจาคของญี่ปุ่น 1.5 ล้านโดส

เรื่องนี้น่าอายเหมือนกัน โรงงานผลิตวัคซีนตัวนี้อยู่เมืองไทยแต่กลับต้องแบมือรับบริจาคจากประเทศอื่น

โมเดอร์นา ปีนี้ก็แค่ 3.9 ล้าน (ม.ค. 1.1 ล้านโดส)

ไฟเซอร์ ถ้ามาจริงตามที่คุย คือ 20 ล้านโดส

สหรัฐอเมริกาบริจาคอีก 1.5 ล้านโดส

ซิโนฟาร์ม 7 ล้านโดส

แล้วที่เหลือประมาณ 30 ล้านโดส จะเป็นอะไรครับ

รู้ ๆ กันอยู่

ล่าสุดก็เอาเข้ามาแล้ว 10 ล้านโดส

ถ้าไม่จำนนกับเรื่อง “ประสิทธิภาพ” ของวัคซีนก็คงจะนำเข้าอีกเรื่อย ๆ

เพราะถึงขั้นกล้าบอกว่า “ซิโนแวค” พร้อมเปิดไลน์ผลิตให้ไทย

คำถามก็คือ ถ้าเราภูมิใจที่มีโรงงานผลิตวัคซีนในเมืองไทย

รอคอยมา 6 เดือน

ไม่สั่งวัคซีนตัวอื่น ยกเว้น “ซิโนแวค” เพื่อรอ “แอสตร้าฯ”

แต่ผลสุดท้าย ประเทศไทยได้สิทธิ์เท่ากับประเทศอื่นที่สั่งซื้อจากโรงงาน

ต่อรองอะไรไม่ได้เลย

ทั้งที่โรงงานผลิตอยู่ในเมืองไทย

อย่าลืมนะครับว่าการส่งออกก็ต้องผ่านกระบวนการศุลกากร

จะช้า จะเร็ว ขึ้นอยู่กับเรา

ทุกประเทศจะใช้กลยุทธ์นี้เวลาที่ต้องการตีกันการนำเข้าสินค้าตัวไหนจากต่างประเทศ

ใช้ระบบระเบียบทำให้ยุ่งยาก

วันนี้ รัฐบาลจะซื้อ “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” แล้วอ้างว่าต่อรองอะไรกับเขาไม่ได้

พอรับฟัง

แต่บอกว่าต่อรองกับ “แอสตร้าฯ” ที่มีโรงงานผลิตอยู่ในเมืองไทยไม่ได้

และยอมรับชะตากรรมที่เขามอบให้ 5 ล้านโดสต่อเดือน

แทนที่จะเป็น 7 หรือ 8 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย

รับไม่ได้ครับ

เมื่อรัฐบาลชุดนี้มีอำนาจอยู่เต็มมือ

แต่ปล่อยให้คนไทยตายเป็นใบไม้ร่วงเพราะขาดวัคซีนที่ดีพอ

แบบนี้อย่าเป็นรัฐบาลเลยครับ