กลุ่มเพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 เขียนจดหมายเปิดผนึก ถึง ลูกสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากบอกให้พ่อลาออกจากตำแหน่ง แสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารสถานการณ์โควิดผิดพลาด เปิดทางให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน
วันที่ 2 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (1 ส.ค.) โลกออนไลน์มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจากเพื่อนร่วมรุ่น คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 40 ถึง ธัญญา-นิฏฐา จันทร์โอชา หรือ พลอย-เพลิน บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ความยาว 4 หน้ากระดาษ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
จดหมายดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กเพจ LG and Friends ของนายคณาธิป สุนทรรักษ์ หรือ ครูลูกกอล์ฟติวเตอร์ภาษาอังกฤษชื่อดัง รวมถึงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ร่วมลงชื่อในครั้งนี้ด้วย ข้อความทั้งหมดมีดังนี้
“ถึง พลอย เพลิน จำได้ไหมว่า ใต้ถุน เสียงกลองสันฯ ละครคณะ การฝึกงานต่างจังหวัด โซฟาหน้าสตูดิโอเอ็มซี และมิตรภาพ 17 ปี ได้ผูกใจพวกเราไว้ในฐานะนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 มากแค่ไหน ความทรงจำและความผูกพันฉันเพื่อนที่ดีต่อกัน ทำให้การเขียนจดหมายฉบับนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเรา สิ่งที่อยากบอกพลอยเพลิน คือ พวกเราพบและประสบความทุกข์ยากมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น “พ่อของเพื่อน”
ที่ผ่านมาพวกเราพยายามเคารพความเป็นส่วนตัวของพลอยเพลินมาตลอด เพราะเชื่อว่า “นายกฯ” และ “พ่อ” คือบทบาทที่แยกขาดจากกัน แต่วิกฤติโควิด-19 คือเหตุเร่งเร้าให้พวกเราเลือกเส้นทางที่อาจกระทบใจและก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของพลอยเพลิน ด้วยการเขียนจดหมายที่ไม่เคยกล้าเขียนฉบับนี้
พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่า พลอยเพลินรับรู้สถานการณ์บ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน จึงอยากบอกให้รู้ว่าในสายตาของพวกเรา การบริหารงานของพลเอก ประยุทร์ จันทร์โอชา นำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 การสื่อสารของรัฐบาลที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว ต่อการวิพากษ์วิจารณ์การทำงาน
และการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้าอันเป็นเหตุให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญกับภาวะวิกฤติคนป่วยล้นโรงพยาบาล บางคนนอนรอความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านอย่างไร้ความหวัง มีคนนอนตายข้างถนน ผู้คนจำนวนมากบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจ บางคนต้องปิดกิจการ มากมายที่ต้องตกงานและหลายคนฆ่าตัวตายด้วยความสิ้นหวัง
พวกเราจึงเห็นว่าการบริหารงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีส่วนนำพาประเทศไทยไปสู่สถานการณ์ที่ยาก ลำบากในเวลานี้ พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารประเทศตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย พวกเราเชื่อว่าการบริหารงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ของประเทศครั้งนี้ได้
ฟังเสียงของพวกเราได้ไหมพลอยเพลิน เสียงของเพื่อน เสียงของคนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนอย่างไม่มีกำหนด เสียงของพนักงานที่ต้องออกไปทำงาน โดยไม่รู้ว่าจะนำเชื้อกลับมาติดคนที่รักวันไหน เสียงของคนทำงานอิสระที่ต้องขายบ้านขายรถ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดู ครอบครัว เสียงของลูก ของน้อง ของภรรยา ที่เจ็บปวดเพราะคนในครอบครัวติดโควิด และเสียงของประชาชนที่ไร้หนทาง
ฟังแล้วไตร่ตรองในฐานะของคนที่มองเห็นคุณค่าความเป็นคนลองยื่น “กำไลหินใจเย็น” เส้นเดิมส่งให้พ่ออีกครั้ง แล้วขอให้พ่อลาออกพวกเราเชื่อมั่นว่าเสียงของพลอยเพลินสำคัญต่อพ่อเสมอ”
จากเพื่อนร่วมรุ่น คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 40 ที่ร่วมลงชื่อจำนวนทั้งสิ้น 88 คน
นอกจากนี้ นายคณาธิป ติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษคนดัง ได้อธิบายถึงการเขียนจดหมายหมายครั้งนี้ว่า ก่อนจะเปิดเผยจดหมาย จำนวนความยาว 4 หน้ากระดาษนี้สู่สาธารณะ พวกเราได้พยายามติดต่อเพื่อนของเราทุกช่องทาง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงตัดสินใจเขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้
เพราะหวังว่าข้อความในจดหมายจะไปถึงเพื่อนของเรา ทุกกระบวนการในการร่างจดหมายเปิดผนึกนี้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ทั้งนี้ น้ำเสียงของจดหมายฉบับนี้ คือการพูดคุยกันฉันมิตร ไม่มีเจตนาข่มขู่ หรือคุกคาม
สำหรับน้ำเสียงของจดหมายฉบับนี้ คือการพูดคุยกันฉันมิตรเหมือนวันปิ๊ดปิ้ว ไม่มีเจตนาข่มขู่ หรือคุกคาม หากพี่ๆ นักข่าวอ่านจดหมายฉบับนี้ออกอากาศ พวกเราขอให้พี่ๆ อ่านเนื้อหาในจดหมายให้ครบทุกบรรทัด ก่อนแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ พวกเราเคารพในความเห็นต่างของคนในสังคม ที่อาจจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการและเนื้อความในจดหมายนี้ แต่ขอให้พวกท่านเคารพความเห็นของพวกเราในฐานะเพื่อนด้วยเช่นกัน ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่า “เพื่อนของเรา” จะตัดสินใจอย่างไร พวกเราก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ