เปิดใจ “พลาม” หลังจวก “ตูน บอดี้สแลม” อย่าเป็นพระเอกคนเดียว บอกขอโทษ แต่ไม่ได้อิจฉา

โหนกระแสวันที่ 8 ม.ค. เป็นเรื่องราวที่เรียกว่าเป็นกระแสร้อนจากเฟซบุ๊ก “พลาม พรมจำปา” ที่ได้ออกมาโพสต์จวก “ตูน บอดี้สแลม” ว่าทำตัวเป็นพระเอกคนเดียวและไม่ใช่คนแรกที่วิ่งจากเบตง-แม่สาย จนถูกกระแสสังคมถล่มกลับอย่างหนักและพากันเข้าไปคอมเมนต์ดุเดือดในเฟซบุ๊กว่าเป็นลุงแก่ที่อิจฉาเด็ก ก่อนเจ้าตัวจะโพสต์ตอบโต้กลับกลุ่มคนที่เข้ามาด่า บอกเป็นพวกผู้ดีรับความจริงไม่ได้ เชื่อมีขบวนการซ่อนอยู่เบื้องหลัง ชี้นักเลงคีย์บอร์ดมาถล่มตามใบสั่ง ส่วนตนยังยึดมั่นในอุดมการณ์เช่นเดิม

ด้าน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30-21.00 น. ทางช่อง 28 ได้เชิญ “พลาม พรมจำปา” ผอ.สถาบันมัชฌิมาการต่อสู้มาพูดคุยถึงกระแสร้อน พร้อมกับ “คุณหมี” แอดมินเพจสังคมอักเสบมาร่วมพูดคุย ซึ่งเป็นอีกคนที่โดนโจมตีเรื่อง “ตูน บอดี้สแลม” ด้วยเหมือนกัน

 

คุณพลามเป็นใครมาจากไหน?
“เบื้องต้นผมเป็นอดีตนักรบพิเศษ เป็นคนที่ขยันฝึกมากที่สุด จบหลักสูตรพิเศษแทบทุกหลักสูตร ผมจบทุกอย่างที่เป็นหลักสูตรจนได้มาเขียนหนังสือเกี่ยวกับหลักสูตรรบพิเศษ ออกมา 20 กว่าปีแล้ว มันมีมาหลายเล่มรบพิเศษมีหลายเล่ม ทหารต้องอ่านเพราะมันจะบอกว่าเตรียมตัวอะไร สอบอะไรบ้าง ถามว่าวันนี้เอาโซ่มาทำไม คือเป็นโซ่ที่เอามาเป็นสื่อสัญลักษณ์ที่จะวิ่งปีนี้พร้อมโซ่ที่ข้อเท้า จะใส่ข้อเท้าวิ่งตลอด คนเห็นว่าบ้า แต่ผมว่าเป็นสื่อหนึ่งอย่าง เพราะตั้งใจจะวิ่งเพื่อให้เกิดสันติภาพอีกรอบ สันติภาพที่ว่าเขตภาคใต้ ที่รบ ที่ยิง ที่วางระเบิด เพื่อนพี่น้องผม”

ทำไมถึงออกมาว่าตูน?
“ที่ออกมาว่าตูน แรกๆ ไม่เคยว่าอะไรเลย ผมไม่เคยออกสื่อ พอตูนวิ่งปั๊บ ตูนบาดเจ็บ สื่อก็หาตัวและรู้ว่าเป็นผม รู้ว่าคนที่วิ่งก่อนตูนคือใคร เพราะผมเคยวิ่งจากแม่สายถึงเบตง ตอนแรกผมเข้าใจว่าผมเป็นคนที่หนึ่ง แต่อาจารย์ชัยวัฒน์วิ่งก่อน ผมก็เป็นคนที่สอง ถ้าจากแม่สายไปเบตงผมเป็นคนที่ 1 อยู่ แต่ถ้าจากเบตงไปแม่สายผมเป็นคนที่ 2 ถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับตูน ก็ไม่ได้เกี่ยวนะ ก็สื่อเชิญผมไปออก แล้วรายการก็บอกว่าคนนี้ให้กำลังใจตูน รายการบอกเพื่อให้กำลังใจตูน ผมกับตูนวิ่งไม่ไหวบาดเจ็บมั้ย มันมีคนวิ่งมาได้อยู่แล้ว แล้วจะต้องมีอะไรให้กำลังใจตูน หลายช่องที่เชิญไปออกก็เป็นแบบนั้น”

แล้วทำไมถึงไปว่าตูน?
“ก็ตอนหลังๆ เขาถามว่าถ้าตูนวิ่งไม่ไหวยินดีจะไปวิ่งกับตูนมั้ย ผมก็บอกว่ายินดี แต่ทีมงานต้องเชิญผมให้ไปวิ่งผมถึงจะไป แต่ถ้าทีมงานไม่เชิญมีแต่แฟนคลับ ผมไปไม่ได้ แฟนคลับผมก็มีในเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นมา เมื่อตูนไปถึงแม่สาย ผมก็จะไปแสดงความยินดีด้วย”

คนอื่นๆ เต๋า-สมชาย, บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, บอย-ปกรณ์ และอีกหลายคนก็ไปร่วมวิ่งเองโดยไม่ได้เชิญ แล้วทำไมต้องเชิญครู?
“อันนี้คือนักข่าวถามว่าถ้าเขาเชิญจะไปมั้ย ผมก็บอกว่าถ้าเขาเชิญก็ไป ไม่เชิญก็คงไม่ไป”

ทำไมไม่บอกว่าถึงไม่เชิญก็จะไปวิ่งเอง อยากไปช่วย?
“(หัวเราะ) ถ้าเชิญก็ไป ไม่เชิญก็ไม่ไป”

คนสงสัยว่าทำไมต้องไปบอกว่าตูนอยากเป็นพระเอกคนเดียว?
“มันจะมีกระแสตีไปตีมา มาหาผมอยู่เรื่อยๆ ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนเขาเป็นพระเอก ผมทำอะไรก็ผิดหมด ทั้งๆ ที่ผมวิ่งมาก่อน ผมต้องผิดด้วยเหรอ วิ่งมาก่อน ผมยืนยันว่าผมวิ่งมาก่อน มีหลักฐานบันทึก จนสุดท้ายผมก็เดือดเลยเขียนแรงนิดหนึ่งว่าเขาทำตัวเป็นพระเอก เขียนประมาณว่าการวิ่งมีคนวิ่งมาก่อนหน้านั้น ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แล้วก็เหมือนกับว่าคนหนึ่งเหมือนพระเอก อีกคนเหมือนเป็นผู้ร้ายความคิดผมก็ประมาณนี้”

คิดเองหรือเปล่า?
“ก็ยอมรับว่าคิดเอง”

อยากเป็นพระเอก?
“ไม่ได้อยากเป็นพระเอก อยากเป็นก็ไม่ได้เป็น เพียงแต่ยืนยันว่ามันมีแบบนี้มาแล้ว กระแสนี้ทำให้แรงขึ้นๆ วันนั้นก็แบบ โอ้โห ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนั้น อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง เยอะแยะไปหมดเลย ได้ข่าวว่าสองล้านกว่า”

คิดจะวิ่งอีก แล้วคิดว่าจะมีคนสนับสนุนไหม?
“คิดว่ามี แต่มากน้อยแค่ไหนไม่รู้แค่นั้นเองครับ”

รู้ไหมว่า ณ วันนี้เขาจัดอันดับ คนที่พูดพล่ามฝ่ายชายคุณได้อันดับหนึ่ง?
“แน่นอน เข้าใจครับ”

คุณพลามบอกว่าไม่ได้อยากกดดันหรือไปพูดอะไรถึงคุณตูนแบบนั้น แต่โดนแฟนคลับคุณตูนมาต่อว่าตัวเองก่อนเลยเกิดอารมณ์?
“ผมทำเพื่อบ้านเมือง วิ่งเพื่อในหลวงมาเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าผมผิด เหมือนผมเป็นคนไม่ดี ผมก็เลยต้องตอบบ้าง ถามว่าโกรธหรือน้อยใจเหรอ ไม่เลย ไม่ได้น้อยใจ เพียงแต่ว่ามาโพสต์เพราะตอบคำถามที่เขาถาม แต่คำที่โดนด่าจริงๆ คือคำว่าจวก ซึ่งผมจำไม่ได้ว่ามาจากสำนักพิมพ์อะไร เอาไปเขียนต่อจากสิ่งที่ผมเขียนว่าความจริงก็คือความจริง ก็เลยกลายเป็นว่าผมจวกตูน ซึ่งผมไม่ได้จวกตูน ผมก็พูดธรรมดา เพียงแต่ว่าพอนักข่าวเอาไปเขียนข่าวมันกลายเป็นว่ามันแรง”

คุณหมีมองว่าเป็นยังไง?
หมี : “เหมือนคนแก่ใจน้อย คือขอโทษนะครับ มันเหมือนกับครูยังไม่เข้าใจอยู่ว่าเรื่องของตูนเป็นเรื่องที่เราพูดคุยกันได้ เหมือนผมเคยโดนมาครั้งหนึ่ง แต่เราพูดแล้วจบคือจบ แต่ของครูไม่ใช่ เหมือนกับว่าถ้าเผื่อครูอายุเท่าผม ก็เข้าใจได้ แต่ตอนนี้ครูไม่ใช่ ครูอาจไม่ตอบโต้ แต่มาระเบิดในโพสต์ ตรงนี้ไม่ว่าสิ่งที่ครูโพสต์จากตามข่าวลงหรือไม่ลง แต่อย่าลืมว่าครูเป็นคนจุดประเด็นคนแรก มันก็เหมือนว่านอกจากเป็นแก่ขี้ใจน้อย ก็เหมือนคนแก่ขี้อิจฉา”

พลาม : “ก็โดนว่าประมาณนั้นแหละ”

หมี : “มันไม่ใช่ประมาณนั้น แต่มันคือตัวครูจริงๆ”

พลาม : “เข้าใจครับ”

หมี : “เรื่องพี่ตูนในวันนี้มันก้ามข้ามคำว่าเหตุผลแล้ว อารมณ์ความรู้สึกมันละเอียดอ่อนมาก ทุกก้าวของตูนมีสตอรี่ มีเรื่องเล่า เราต้องพูดว่าคนที่ทำเขาทำเป็น แต่ครูคงไม่ฟัง เพราะครูไม่ได้มีสตอรี่ อย่างพี่เต๋ามาวิ่งนิดหนึ่งก็มีสตอรี่ว่าแกไปกันคนนะก็ทำให้คนได้รู้ว่าอ๋อ ตูนเป็นแบบนี้ หรือตูนไปวิ่งกับพี่ดู๋ (สัญญา) อย่าลืมว่าเรื่องของตูนมันเป็นเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกที่มันยากจะบรรยาย ล่าสุดมีเด็กน้อยที่เป็นน้องบอย (ปกรณ์) เป็นภาพวิ่งที่สวยงาม ซึ่งพอทุกคนเห็นภาพ แล้วครูไปกล่าวโจมตีผมว่ามันก็ไม่เข้าเรื่องนะ”

พลาม : “จริงๆ ผมไม่ได้กล่าวโจมตี ผมแค่ต้องการยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้มันมีอยู่จริง เรื่องที่วิ่งคนหนึ่งคนสองคนสาม”

แต่คนอื่นก็รู้อยู่ก่อนแล้วไง?
พลาม : “ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้ครับ”

ครูไม่ได้เสพสื่อ ผมเชื่อว่าตูนเขารู้อยู่แล้วว่ามีใครวิ่งก่อนวิ่งหลัง แต่อีกมุมหนึ่งโซเชียล ก็บอกว่าคุณตูนวิ่งเป็นทางการ?
พลาม : “ครับ เข้าใจได้ ผมนึกออก เข้าใจได้นะ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ เพียงแต่ผมก็ออกมาบอกว่ามันมีแบบนี้มาก่อนเท่านั้นแหละ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะแรงขนาดนี้ ผมก็พูดธรรมดาๆ นี่แหละ แต่เรื่องในใจผมไม่มีหรอก ซึ่งปกติผมจะวิ่งเฉลิมพระเกียรติในหลวง แล้วก็คิดว่าผมจะวิ่งจากแม่สายไปทิเบตเลยเพื่อความมันส์ๆ ของผมนี่แหละ ข้อที่สองวิ่งย้อนอดีตจากแม่สายมาเบตง แฟนคลับเขาก็เลือกแม่สายเบตงหมดเลย พอผมเลือกปั๊บ ซ้อมไปสองสามเดือน”

ทำไมครูชัยวัฒน์ไม่เห็นออกมาพูดแบบนี้เลย?
พลาม : “ครูชัยวัฒน์จริงๆ มันเก่ามาก เขาก็หาไม่เจอ อย่างมีคนบอกผม ผมก็ให้รายการเชิญอ.ชัยวัฒน์มาด้วย แกก็ได้ไปออกรายการ ไม่งั้นแกก็ไม่ได้ออกอะไรมากมาย พูดง่ายๆ แกไม่ได้โดนสื่อเหมือนผม ผมนี่โดนสื่อ เขาเห็นผม ซ้อมอยู่ ลากยางอยู่ แข็งแรงอยู่ วิ่งอยู่ แล้วก็จะให้ไปวิ่งแทนตูน อ.ชัยวัฒน์จะให้ไปวิ่งแทนตูนก็คงไม่ได้ นี่เป็นที่มาว่าทำไมผมได้ออกสื่อบ่อย แฟนคลับเขาอาจจะหมั่นไส้ผมก็ได้ จนสุดท้ายผมมาเขียนนิดๆ หน่อยๆ ก็โดนเลย”

เสียใจไหมที่เขียนไป?
พลาม : “ตอนนี้ถ้าถาม มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องเสียใจ แต่ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดมันแรง ผมก็ขอโทษ ถ้าน้อง(ชาวเน็ต) เห็นว่าพลามมาเพื่ออิจฉา มาเพื่ออยากดัง อันนี้มันไม่ใช่ น้องที่ว่าหมายถึงที่กระแสสองล้านกว่าที่ด่าผม ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขอโทษได้นะ เพราะเราไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนั้น เขาก็คนธรรมดา เราก็คนธรรมดาก็มึนเฉยๆ แต่ไม่โกรธนะ ขอบคุณน้องๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์มา”

ตูนบอกตลอดไม่ใช่ฮีโร่?
พลาม : “จริงๆ ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมเป็นฮีโร่นะครับ แต่คนในเฟซบุ๊กเขาบอกว่า 3 คนที่เป็นฮีโร่ ผมก็ยืมคำพูดเหล่านี้มา ไม่ใช่ว่าผมอยากเป็นฮีโร่ อยากเป็นพระเอก อยากเป็นคนดัง ไม่ใช่ตัวผมนะ ผมอยากเป็นนักรบ สไตล์นักรบก็ตรงไปตรงมา”

โซ่เอาไปทำอะไร?
พลาม : “โซ่เอามาสื่อว่าปีนี้ผมจะใช้โซ่นี่ในการวิ่งกับข้อเท้า จะอยู่กับผมตลอดเวลาที่ข้อเท้า จะวิ่งจากแม่สายไปเบตง ในวันที่ 13 เมษายน จะวิ่งให้จบ 40 วัน”

จะเอาชนะคุณตูน?
พลาม : “ไม่ใช่จะเอาชนะ อันนี้ผมตั้งเป้าของผมมานานแล้ว ซ้อมมาปีหนึ่งแล้วนะ”

รับบริจาคด้วย?
พลาม : “รับบริจาคด้วย แล้วให้บันทึกสถิติ เพราะการใส่โซ่วิ่งแบบนี้ ยังไม่เคยเห็นในโลกนี้ที่มีน้ำหนักขนาดนี้ น้ำหนักโซ่อย่างเดียว 5 กิโลครึ่ง รวมรองเท้าด้วยตอนนี้ 7 กิโล”

โหนกระแสหรือเปล่ากับการที่ต้องมาวิ่งเร็วๆ นี้ เลยต้องออกมามีประเด็นกับตูน?
พลาม : “ไม่ใช่นะครับ จริงๆ ผมเป็นคนพื้นๆ เลย เป็นนักรบที่ไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจเลย”

คิดว่าจะมีคนบริจาค?
พลาม : “ผมว่ามีไม่มากก็น้อย หลายคนอินบอกซ์มาเยอะเลย ผมก็จำไม่ได้ว่าทำไมต้องไปทำให้คนด่า ผมก็บอกว่าไปดูย้อนหลังเอาแล้วกันว่าผมเป็นใคร วันนั้นแอดผมมา 500 กว่าผม เขาก็ด่านี่แหละก็รับแอด ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมแค่จะสร้างตำนานให้ผมด้วยอย่างหนึ่งที่บันทึกในระดับโลก ผมเป็นคนไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ถ้าเกิดว่าผมทำสำเร็จ ปีต่อไปใครจะมาทำลายสถิติก็ต้องมาที่นี่ ผมอยากให้แม่สาย-เบตงเป็นตำนาน มีคนวิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต อย่างน้อยปีละครั้ง ผมอยากจัดกุศลนั้นอาจจะวิ่งนำให้ด้วย”

ไหวเหรอ 40 วัน?
พลาม : “มั่นใจว่าถึง เพราะซ้อมมาและวิ่งอยู่ดูตัวเองว่าแข็งแรงกว่าวิ่งช่วงแรกๆ การกินอาหาร การซ้อม ผมรู้ตัวเองว่าวิ่งไหว สบายๆ”

ณ วันนี้ สังคมเข้ามากดดัน จะขอโทษไหม?
พลาม : “เมื่อกี้ขอโทษไปแล้วนะ ถ้าน้องคิดว่ามันแรง ผมก็พูดไปตามอารมณ์ สไตล์ผมก็เป็นแบบนี้ เหมือนพูดกวนๆ แต่ดีหน่อยผมไม่ด่ามาก ถามว่ารุ้สึกยังไงที่คนบอกว่าพล่ามไม่หยุด อยากดัง โหนกระแส คือผมคิดว่ามีหลายคนที่เข้าใจผม สักวันเขาจะรู้เองว่าผมทำเพื่ออะไร ไม่ได้เสียใจ แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็นคำตอบในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ได้อยู่ๆ ถึงทำ ผมทำตลอด คนทำเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าอยากดังก็ไม่ใช่ ส่วนที่บอกว่าการออกมาต่อว่าทำให้ดัง มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ เวลามีแสงก็มีเงาเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ผมไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้เท่านั้นเอง”

ถ้าตูนดูอยู่ อยากฝากอะไร?
“จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรกับตูน ก่อนหน้านั้นผมก็มีแต่ชื่นชม อยากให้เข้าใจว่าผมไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้อิจฉา ไม่ได้อยากดัง เป็นตัวตนของผมเองที่พูดแบบนั้น ผมไม่คิดว่ากระแสตูนจะแรงมหาศาลขนาดนั้นเองก็เลยกระทบ ถ้าเจอก็อยากจับมือถ่ายรูป ไม่ได้มีอะไรกัน ส่วนที่เห็นว่าผมไปออกหลายช่อง เขาเชิญไปเองครับ เขาเชิญก็ต้องไป ถ้าไม่เชิญก็ไม่ไปครับ”

 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์