งดงามแบบไทย! แบรนด์กระเป๋าหรู “พญา” นำเสนอรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น “มาตา-นัดดา” ผสมผสานผ้าไหมมัดหมี่-เครื่องหนัง

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริให้มีการส่งเสริมอาชีพและอนุรักษ์การทอผ้าไหม หัตถศิลป์อันวิจิตรของไทยไว้ และเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2560 นี้ “จิรยง อนุมานราชธน” ในฐานะครีเอทีฟไดเร็คเตอร์แห่งแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ผู้สร้างสรรค์ผลงานการดีไซน์กระเป๋าหนังคุณภาพเยี่ยม จึงได้หยิบเอาผ้าไหมมัดหมี่ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาผสมผสานเข้ากับผืนหนังวัวที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี ถ่ายทอดเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่น ‘มาตา’ (Mata) และ ‘นัดดา’ (Nadda) ซึ่งได้จัดแฟชั่นโชว์เปิดตัวไป เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี ที่ 10 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ณ บริเวณพญา ป็อปอัพสโตร์ (ล็อบบี้เลาจน์) ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม

ภายในงานมีเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ สิริยส เทพหัสดิน ณ อยุธยา, ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์, สิริรัตน์ อิทธิโรจนกุล, วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์, ดร.ศิริรัตน์ โกศการิกา, ณัฐพงศ์ จิรัฐติเจริญ, วสันต์ หว่อง, วรยุทธ กิตติอุดม, ฐิติพัฒน์ ศุภภัทรานนท์, ปาณนุษา บุญศรี, นภัสนันท์ พรรณนิภา, ดร.ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์, พีรพรรณ สงวนปิยะพันธ์ รุ่งกมล และอีกมากมาย

จิรยง อนุมานราชธน กล่าวถึงแนวคิดหลักในการออกแบบกระเป๋าดีไซพิเศษครั้งนี้ ‘แรงบันดาลใจหลักของการทำกระเป๋าสองรุ่นนี้มาจากการที่ดิฉันได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงให้การสนับสนุนงานหัตถศิลป์ไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้คนไทยได้ตระหนักถึงการทำหน้าที่สืบทอดมรดกไทย ดิฉันจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่องานช่าง และรักษาความวิจิตรที่ปรากฏบนงานศิลปะไทยเอาไว้ จึงเกิดเป็นไอเดียในการออกแบบกระเป๋ารุ่นมาตา ที่มีความหมายว่าแม่ และรุ่นนัดดา ที่มีความหมายว่าหลาน โดยสร้างสรรค์ขึ้นจากการผสมผสานระหว่างผ้าไหมมัดหมี่ ผลงานหัตถกรรมอันเลื่องชื่อของไทย และผืนหนังวัวจากคุณภาพเยี่ยมจากประเทศอิตาลี ให้ออกมาเป็นกระเป๋าดีไซน์หรูที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน’

สำหรับการออกแบบกระเป๋ารุ่น ‘มาตา’ (Mata) และ ‘นัดดา’ (Nadda) ทางทีมดีไซน์ได้ใช้เทคนิคการตัดเย็บขั้นสูงและประณีตในทุกขั้นตอน เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างผ้าไหมมัดหมี่ จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ที่มีความเบาและอ่อนนุ่ม นำมาตัดเย็บเข้ากับโครงของกระเป๋าที่ทำจากหนังวัว ดังนั้น การวางลวดลายและแพทเทิร์นของผ้า จึงต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญของทีมช่างฝีมือ การคำนวณและตัดเนื้อผ้ามาเย็บเข้ากับประเป๋าเช่นกัน เพื่อให้ผ้าไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป กระเป๋าจึงจะคงรูปความงดงามตามแบบงานหัตถศิลป์ของไทยและความทันสมัยของสากลนิยม

‘มาตา’ (Mata) กระเป๋าที่ใช้เทคนิคการผลิตขึ้นตามแบบโครงของกระเป๋ารุ่นนาตาลี กระเป๋าหนังแกะลายควิลท์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่มีแรงบันดาลใจจากจากลวดลายผ้าไทยรูปทรงสี่เหลียมข้าวหลามตัด ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีของทางแบรนด์ โดยการใช้ผ้าไหมมัดหมี่ในโทนสีม่วงอมชมพู ที่ลวดลายมีความทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์ ประดับด้วยสายสะพายโซ่สีเงิน ที่สามารถใช้เป็นกระเป๋าถือ หรือสะพายข้างหรือจะสะพายแล่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้

‘นัดดา’ (Nadda) กระเป๋าใบเล็ก ดีไซน์กะทัดรัด ที่ใช้เทคนิคการออกแบบตามโครงกระเป๋ารุ่นลิฟ กระเป๋ารุ่นล่าสุดจากแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการเย็บประกบหนังสองชิ้นเข้าด้วยกัน ซึ่งในรุ่นนัดดานี้ทางทีมออกแบบได้นำผ้าไหมมัดหมี่ที่มีลวดลายสีม่วงตัดกับสีฟ้ามาเย็บประกบลงบนแผ่นหนังด้านบน จากนั้นจึงเย็บตัดขอบด้วยหนังสีฟ้า กลายเป็นกระเป๋าถือทรงบ็อกซี่ที่มีดีไซน์หรูหราและสง่างามอย่างลงตัว

ซึ่งกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ‘มาตา’ (Mata) และ ‘นัดดา’ (Nadda) ทางแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ได้ผลิตขึ้นมาเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น และรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายกระเป๋าทั้งสองรุ่นทางแบรนด์จะมอบให้กับมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาและอนุรักษ์งานหัตถศิลป์อันเป็นมรดกของไทยสืบไป

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร บุตรสาวของท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร คุณข้าหลวงผู้ใหญ่ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาร่วมพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมการทอผ้าไหม หนึ่งในงานหัตถศิลป์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ว่า ‘ตั้งแต่จำความได้คุณแม่ (ท่านผู้หญิงพึงจิตต์ ศุภมิตร) จะเล่าให้ฟังตลอดว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงแม้พระองค์จะทรงเจริญพระชันษาในต่างประเทศ แต่พระองค์ทรงรักความเป็นไทยมาก ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดผ้าไหมไทยมาตั้งแต่ยังเป็น ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร แล้วหลังเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และได้รับสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์” ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงออกแบบฉลองพระองค์ต่างๆ ด้วยพระองค์เอง โดยทรงศึกษาจากพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง และทรงใช้ชื่อพระตำหนักต่างๆ ในวังมาตั้งเป็นชื่อฉลองพระองค์ที่ทรงออกแบบด้วย และทุกครั้งเวลาตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ พระองค์ทอดทอดพระเนตรเห็นว่าชาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าไหมที่ทอขึ้นเองอย่างสวยงามมาเฝ้าฯ รอรับเสด็จ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทรงมีพระราชดำริให้ส่งเสริมและอนุรักษ์การทอผ้าไทยของแต่ละชุมชนเอาไว้ จึงเป็นที่มาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และมีการสืบสานศิลปะการทอผ้าไทยมาจนถึงทุกวันนี้’

พร้อมฟังเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมทช์การแต่งตัวกับผ้าไทย นำโดยแม่ลูกคู่ซี้อย่าง คุณแม่บุศรา และลูกสาวคนสวย ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล ด้วยความที่ลูกสาวโตมาในรั้วโรงเรียนจิตรลดา ซึ่งจะคุ้นชินกับความเป็นไทยอยู่แล้ว และเวลาคุณแม่ไปรับไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนจะพาแวะร้านจิตรลดา เลือกซื้อสินค้าหัตถศิลป์มาใช้ตลอด โดยเฉพาะผ้าไทย ‘จริงๆ ผึ้งเห็นคุณแม่ใส่ชุดผ้าไหมไทยมาตั้งแต่ผึ้งยังเด็กๆ จนตอนนี้ก็ยังเห็นคุณแม่ใส่ชุดผ้าไหมไปทำงานทุกๆ วันอังคาร เพราะที่ออฟฟิศของคุณแม่ (การบินไทย) ส่งเสริมให้พนักงานสวมใส่ชุดไทย หรือแม้กระทั่งโอกาสพิเศษต่างๆ คุณแม่ก็จะเลือกสวมใส่ชุดไทยออกงานตลอด จนทำให้เราซึมซับเวลาเข้าวัดทำบุญ ผึ้งก็จะหยิบผ้าซิ่นผ้าไหมมานุ่ง นอกจากจะสุภาพเรียบร้อยแล้ว ยังมีความสวยงามไม่แพ้ชุดดีไซน์โมเดิร์นในปัจจุบัน อีกอย่างชุดผ้าไทยหรือผ้าฝ้ายสามารถสวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดีกว่าผ้าใยสังเคราะห์อีกด้วย’

ด้านคุณแม่ยังสาว น้ำผึ้ง – จารุวรรณ โชติเทวัญ ที่ควงคู่มากับลูกสาววัยน่ารัก น้องญาร่า-ธันยพัต ภัคดีมงคลโรจน์ เผยว่า ‘แม้ลูกสาวจะยังเด็ก แต่ก็พยายามปลูกฝังให้ลูกรักความเป็นไทย จะคอยสอนให้ลูกรู้จักศิลปะไทย ยกตัวอย่างเช่น ผ้าไหมไทย ว่าเป็นการทอผ้าที่มีลวดลายสวยงามด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้าน เป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกของชาติที่ต้องช่วยกันอนุรักษ์ไว้’

ปิดท้ายที่สองพี่น้องแฟชั่นนิสต้า กิ๊ฟ-ณัฐชา และเกรซ-ชิดชนก หอสัจจกุล เล่าว่า ‘ปัจจุบันผ้าไหมไทยมีการออกแบบลวดลายที่สวยงามมากๆ และยังมีการนำผ้าไหมไทยมาประยุกต์เข้ากับแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว นำมาดีไซน์ตัดเย็บเป็นแอคเซสเซอรี่ต่างๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ สามารถเลือกเป็นไอเท็มชิ้นเด่นในการแต่งตัวแต่ละวันได้เลย เพราะด้วยลวดลายที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแต่ละผืนที่ทอออกมาจะไม่ซ้ำกันเลย’


พบกับกระเป๋ารุ่น ‘มาตา’ (Mata) และ ‘นัดดา’ (Nadda) พร้อมกันได้แล้ววันนี้ที่ร้าน ‘พญา’ (PHYA) ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, Facebook, IG:phyaphilo และ www.phyaphilo.com