เรื่อง : It’s a bell
ช่วงนี้แฟนๆ ภาพยนตร์จอเงินคงลุ้นกันแทบนั่งเก้าอี้ไม่ติด เพราะงานประกาศรางวัลผลงานด้านภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ รางวัล Academy Awards หรือ Oscar ครั้งที่ 90 ประจำปี 2018 ใกล้เข้าเต็มที และเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา สถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ได้ประกาศรายชื่อภาพยนตร์และนักแสดงที่เข้าชิงในสาขาต่าง ๆ และสำหรับภาพยนตร์ The Shape of Water ก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเข้าชิงรางวัลมากที่สุดถึง 13 สาขาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสาขาใหญ่อย่างเช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (กิลเลอร์โม เดล โตโร), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (แซลลี ฮอว์กินส์), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ออคทาเวีย สเปนเซอร์), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ริชาร์ด เจนกินส์) และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังรวมไปถึง รางวัลในสาขา กำกับภาพยอดเยี่ยม, ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับเสียงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นแท่นกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งภาพยนตร์สำหรับปีนี้เลยทีเดียว
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตัดคนกลุ่มไหน ใครได้รับสิทธิบ้าง!
เกริ่นมายืดยาว ก็ได้เวลาเข้าเรื่องกันเสียที The Shape of Water เป็นเรื่องราวของหญิงสาวพนักงานทำความสะอาดที่ชื่อว่า เอไลซ่า (แซลลี ฮอว์กินส์) เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและเงียบงันเนื่องจากไม่สามารถพูดได้ เอไลซ่ามีเพื่อนสนิทคือ เซลด้า (ออคทาเวีย สเปนเซอร์) พนักงานทำความสะอาดผิวสี และ ไจลส์ (ริชาร์ด เจนกินส์) เพื่อนบ้านนักวาดภาพประกอบ เอไลซ่าทำงานในห้องทดลองลับของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่มีความปลอดภัยสูงสุด และที่นั่นเองทำให้เธอได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ใต้น้ำ (ดิ๊ก โจนส์) ซึ่งถูกคุมขังและทำการทดลองภายใต้การดูแลของ สตริคแลนด์ (ไมเคิล แชนนอน) และเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มงอกงาม เรื่องราวความรักข้ามสายพันธุ์จึงเริ่มต้นขึ้น
ผลงานที่ผ่านมา Pan’s Labyrinth ของผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดล โตโร ได้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 79 ใน 3 สาขาจากการเข้าชิง 6 สาขา คือ ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, กำกับภาพยอดเยี่ยม และแต่งหน้ายอดเยี่ยม ส่วนผลงานอื่น ๆ ของเขาเรียกว่าห่างไกลจากรางวัลออสการ์ค่อนข้างมาก ทำให้ The Shape of Water ที่แม้ว่าจะเป็นแนวดราม่าแฟนตาซีที่ออสการ์ไม่ค่อยจะปลื้มสักเท่าไหร่ แต่ถือเป็นผลงานการกลับมาของ กิลเลอร์โม เดล โตโร ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งแรกที่ขอพูดถึงหลังจากชมภาพยนตร์แล้ว ก็คือ การแสดงของ แซลลี ฮอว์กินส์ ซึ่งเฉียบขาด คมกริบทุกเม็ด แม้ทั้งเรื่องเธอจะไม่ได้พูดเลยก็ตาม แต่ว่าท่วงท่า สายตา อารมณ์ร่วมในการแสดงเรียกว่ามาแบบจัดเต็ม ยามรักก็รู้สึกได้ถึงความหวานหยาดเยิ้มน่าหลงใหล แต่เมื่อถึงคราวต้องสู้แล้ว เราสัมผัสได้เลยว่าเธอคือหญิงแกร่งผ่านสายตาอันกร้าวแข็ง และการแสดงที่ทรงพลัง ปีนี้เลยแอบขอเชียร์แซลลี ฮอว์กินส์อย่างสุดใจ (แม้รายชื่อเข้าชิงนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของปีนี้ จะมาแรงแบบกินกันไม่ลงสักคนเลยก็ตาม)
ทางด้านรายละเอียดศิลป์ก็เรียกได้ว่าสวยงามตามท้องเรื่อง ผ่านการคิดและการออกแบบมาเป็นอย่างดี ถ้าปีที่แล้ว La La Land ทำให้คุณตื่นตาตื่นใจกับฉาก เสื้อผ้า หน้าผม ดนตรีประกอบ ปีนี้ก็คงต้องยกให้กับ The Shape of Water ที่แม้จะมาสไตล์ขรึม ๆ บรรยากาศดูอึมครึม ๆ เน้นสีเขียวของน้ำทะเลเป็นหลัก แต่กลับมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือจริง ๆ
สุดท้าย แม้ธีมหลักของเรื่องจะเป็นเรื่องราวความสวยงามของความรักระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาด (ในสายตาของคนทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับเอไลซ่า) แต่พูดได้เต็มปากเลยว่า The Shape of Water เป็นภาพยนตร์ที่ครบรส ทั้งสุข เศร้า เหงา รัก แฝงด้วยอารมณ์ขัน แต่บทจะโหดก็เล่นเอาคนดูอย่างเราแอบยกมือปิดหน้า หรี่ตาข้างนึงกันเลยทีเดียว ทุกซีนทุกฉากร้อยเรียงได้เป็นอย่างดีไม่มีสะดุด ทำให้เราจมไปสู่โลกที่ผู้กำกับสร้างขึ้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
You’ll never know just how much I miss you
You’ll never know just how much I care
And if I tried I still couldn’t hide my love for you
You oughta know for haven’t I told you so
A million or more times
ต้อนรับเดือนกุมภาพันธ์ ด้วยภาพยนตร์รักต้องมนตร์สะกด เข้าฉายจริง 1 กุมภาพันธ์ ทุกโรงภาพยนตร์