ภาพยนตร์ดราม่าเขย่าขวัญเรื่องเยี่ยม “All the Money in the World ฆ่า ไถ่ อำมหิต” การประชันบทบาทสุดเข้มข้นการันตีด้วยดีกรีเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสบทบชายยอดเยี่ยม กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้
“All the Money in the World ฆ่า ไถ่ อำมหิต” บอกเล่าเรื่องราวของ จอห์น พอล เก็ตตี้ (รับบทโดย คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) มหาเศรษฐีโรงกลั่นน้ำมันที่ขึ้นชื่อว่ารวยที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งยุค 70 ผู้ไม่ยอมเสียเงินแม้แต่แดงเดียวในการไถ่ชีวิตหลานชายคนโปรด ผู้เป็นแม่คือ เกล ฮาร์ริส (รับบทโดย มิเชล วิลเลียมส์) สะใภ้มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยไม่ได้เศษเสี้ยวของพ่อสามี จึงต้องหาทางช่วยเหลือลูกชายด้วยตัวเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจาก เฟรตเชอร์ เชส (รับบทโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) ผู้ช่วยของมหาเศรษฐีเก็ตตี้ ในการตามหาลูกชายอันเป็นที่รักโดยไม่หวังพึ่งบารมีของคนเป็นปู่อีกต่อไป
ก่อนจะได้ลุ้นระทึกกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เราไปพูดคุยกับ 3 นักแสดงนำของเรื่อง คือ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์, มิเชลล์ วิลเลียมส์และ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
Q : ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยคริสโตเฟอร์ที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้
พลัมเมอร์ : ขอบคุณครับ ผมยังตื่นเต้นมากตอนที่รู้ว่าได้รับการเสนอชื่อ มันเกินความคาดคิดเหมือนกันนะ แต่ผมภูมิใจกับมัน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมยังตื่นเต้นไม่หายมาถึงตอนนี้เลย
Q : คุณครองสถิติผู้ชนะรางวัลออสการ์ที่อายุมากที่สุดตอนปี 2011 คุณคิดว่าคุณสามารถทำลายสถิตินั้นได้ไหมในปีนี้ ?
พลัมเมอร์: หวังว่านะ ตอนนั้นผมคว้าออสการ์ตัวแรกจากเรื่อง Beginners ตอนอายุ 82 ตอนนี้ผม 88 แล้วผมคงไม่คาดหวังอะไรมาก (หัวเราะ)
Q : คุณทำได้ยังไงที่ต้องมารับบทแทนคนอื่นแต่ยังสามารถแสดงออกมาได้มีคุณภาพขนาดนี้ ?
พลัมเมอร์: จะว่าแทนเลยก็ไม่ใช่หรอก เพราะมันเหมือนต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ทั้งวิธีการตีความตัวละคร การแสดงตอบรับร่วมกับตัวละครอื่น ๆ จริงอยู่ว่ามีเวลาน้อยมาก แต่ทุกอย่างออกมาตามแผน ต้องยกเครดิทให้ผู้กำกับเลย ผมเองรู้สึกเศร้าแทน เควิน (เควิน สเปซีย์) เควินเก่งมาก เขาเป็นนักแสดงพรสวรรค์ เรื่องที่เกิดกับเขามันทั้งน่าเศร้า ทั้งน่าเสียดาย
Q : ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวละครของพวกคุณหน่อย
พลัมเมอร์: ผมเล่นเป็น จอห์น พอล เก็ตตี้ ผู้บุกเบิกธุรกิจน้ำมันในตะวันออกกลางซึ่งทำให้เขารวยมหาศาลตั้งแต่อายุน้อย ๆ การลักพาตัวนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โลกได้รู้จักเก็ตตี้ เขาค่อนข้างเก็บตัว ไม่ออกสื่อ แน่นอนว่าเขาบูชาเงิน เขารักสิ่งสวยงามเพราะมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือทำให้เขาผิดหวัง มันมีความงามบริสุทธิ์ในสิ่งของพวกนี้ที่เขาหาไม่ได้ในมนุษย์ ผมคิดว่าเขามีมนุษยธรรมเหมือนกันนะแม้ว่าเขาจะแสดงมันออกมาอย่างไร้เยื่อใยตอนตอบคำถามสื่อเรื่องค่าไถ่ก็ตาม เหตุผลเขาก็ฟังขึ้นอยู่นะที่เขาบอกว่าเขามีหลานหลายคน ถ้าเขายอมจ่ายให้คนนึง หลานของเขาที่เหลืออาจจะเสี่ยงตกเป็นเหยื่อลักพาตัวครั้งอื่นอีกก็ได้ มันคือตรรกะที่เย็นชาซึ่งบทมันเอื้อให้เราดำดิ่งลงไปในนั้น โดยเฉพาะเมื่อมันเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในครอบครัวของเขา
วิลเลียมส์: ฉันเล่นเป็นเกล หญิงแกร่ง แม่ของจอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 ซึ่งถูกจับไปเรียกค่าไถ่ เธอต้องทำทุกอย่าง เธอต้องเอาชนะทั้งพ่อสามีสุดเขี้ยวและโจรลักพาตัวเพื่อตามตัวลูกชาย แน่นอนมันเป็นดราม่าเขย่าขวัญ แต่ฉันยังคิดว่ามันมีความเป็นเฟมินิสท์ด้วย มันสำเร็จว่าจะเป็นไงถ้าต้องเป็นผู้หญิงที่ต้องต่อสู่ในโลกของผู้ชาย แต่ทำสุดความสามารถเพื่อให้ได้อำนาจต่อรอง มันมีหลายซีนในหนังที่เธอถูกมองข้าม ละเลย เพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง ฉันชอบตัวละครพวกนั้น
วอห์ลเบิร์ก: ผมรับบทเป็น เฟล็ตเชอร์ แชส ผู้ช่วยสุดเท่ ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนักกับเก็ตตี้นายจ้างของเขา เขาเคยเป็นหัวหน้าฝีพายของฮาวาร์ด เคยเป็นนักประดาน้ำ หน่วยซีล เจ้าหน้าที่ซีไอเอ ทำธุรกิจน้ำมัน เขาเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทน้ำมันบริษัทอื่นตอนที่คุณเก็ตตี้ตระหนักได้ว่าเขาจะเป็นประโยชน์ได้ขนาดไหน จนเขาได้เข้ามาทำงานกับเก็ตตี้ ออยล์ เต็มเวลา
Q : ได้ข่าวว่าพวกคุณแต่ละคนก็มีวิธีเข้าถึงบทบาทตามแบบของตัวเอง
วิลเลียมส์: ค่ะ มันแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเกลเลย นอกเหนือจากที่ฉันเจอในอินเทอร์เน็ต ฉันศึกษาประวัติเกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผ่านคลิปวิดีโอในยูทูป บทความ และหนังสือ มันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อฉันได้ทำงานกับ แจนตี้ เยตส์ นักออกแบบเสื้อผ้าระดับเทพของริดลีย์ และนักออกแบบทรงผมและแต่งหน้า คุณเชื่อมั้ย แค่ใส่รองเท้าตามตัวละครมันช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาแก่คุณได้ มันช่วยให้ฉันเข้าใจและจินตนาการออกได้ว่าเธอเป็นใคร
วอห์ลเบิร์ก: ผมอ่านบทออกเสียงสี่รอบต่อวัน ผมรู้บทตั้งแต่ต้นจนจบ อ่านมันไปหลายรอบจนแทบไม่ต้องนึกบทเลยระหว่างถ่ายทำ เสื้อผ้าก็ช่วยนะ เฟลตเชอร์ แชส แต่งตัวมีเอกลักษณ์ ด้วยความที่เขาเป็นอดีตซีไอเอ เราต้องการให้เขาเท่เหมือน สตีฟ แมคควีน ริดลีย์ไม่ชอบกางเกงขาม้าหรือสูทปกกว้าง ๆ เฟลตเชอร์ต้องดูกลมกลืนไปกับคนอื่น ๆ ได้ คุณแค่ใส่เอี๊ยมกับเสื้อกั๊กก็เข้าซีนได้เลย บทพูดมันลื่นไหลและงดงามมาก
พลัมเมอร์: สำหรับผมมันอาจจะง่ายหน่อยเพราะผมเคยเจอเก็ตตี้ตัวจริงในยุค 70 แต่ก็จริงอย่างที่มาร์คกับมิเชลพูด เสื้อผ้าช่วยเราได้เยอะจริง ๆ พอทีมเสื้อผ้าจับผมใส่สูทของ Saville Row ตัวละครนี้เหมือนมีชีวิต สูทตัวหนึ่งของเก็ตตี้จะอยู่กับเขาไป 20 – 25 ปี ตอนเราหาข้อมูลเราเจอว่าเขาใส่รองเท้าคู่เดิม เน็คไทอันเดิมเป็นสิบปีเลย มันแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเขาจะรวยล้นฟ้าขนาดไหนนิสัยตระหนี่จะติดตัวเขาไปจนวันตาย
Q : การทำงานกับริดลีย์ สก็อตต์ เป็นอย่างไรบ้าง?
วิลเลียมส์: เขาคือปรมาจารย์ เขาแม่นยำ เขาสื่อสารสิ่งที่เขาต้องการให้คนอื่นรับรู้ได้ง่าย นั่นแปลว่าเราทำงานด้วยความรวดเร็ว ไม่มีอะไรติดขัดซึ่งมันสนุกมาก มันเหมือนเล่นรับส่งลูกบอลครีเอทีฟ คุณต้องตื่นตัวตลอดเวลาถึงจะคว้ามันไว้ได้ เขามอบพื้นที่ให้คุณได้สำรวจและพัฒนาตัวละครของตัวเอง แต่ถ้าคุณต้องการเขาเมื่อไหร่เขาพร้อมช่วยคุณเสมอ ฉันชอบมาทำงาน เขามีไอเดียเต็มตัวที่พร้อมทำให้คุณแปลกใจเสมอ ถ้าซีนมันเริ่มจำเจเขาจะโยนทิศทางใหม่ลงไป ทำให้น่าตื่นเต้นตลอดเวลา
พลัมเมอร์: เขาเป็นมืออาชีพ เขารู้ตัวว่าต้องการอะไร เขาไม่ต้องให้คุณเล่นใหม่เป็นร้อย ๆ เทคเพราะเขาเหมือนตัดต่อในหัวไปเรียบร้อยแล้ว เขาเป็นผู้กำกับสไตล์โอลด์สคูล ระดับเดียวกับฮิทช์ค็อก หนังของเขากลมกล่อม ประเด็นที่เขาเลือกเล่ามันต่างจากคนอื่น ๆ ซึ่งผมยกย่องเขาในด้านนี้มาก เขาทดลอง เขาคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ แต่เขายังรู้ด้วยว่าตัวเองต้องการนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องโปรดของเขาหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องที่มีตุ๊กตาหมีร่วมแสดง แต่สิ่งที่โดนใจเขามากที่สุดการแสดงที่เป็นธรรมชาติ
วอห์ลเบิร์ก: ผู้กำกับคุณภาพ ผมยินดีอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับเขา ผมถือว่าผมเป็นคนโชคดีคนนึงเลยนะ มารู้ทีหลังว่าเขาชอบ Ted กับ Boogie Nights ด้วยยิ่งทำให้ผมภูมิใจขึ้นไปอีก