คอนเสิร์ตนอกทะลักไทย แจ้งเกิดผู้จัดหน้าใหม่ “แจ่มดี-มิราเคิลฯ” ขึ้นบัลลังก์สู้รายใหญ่ “บีอีซี-เทโร” ครึ่งปีหลังคอนเสิร์ตทะลุเวทีถึง 30 งาน คาดธุรกิจทั้งปีเพิ่ม 50% ส่วนธุรกิจแสงสีเสียง “ไลท์ซอร์ส” รับอานิสงส์เต็ม ๆ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปี 2560 เป็นปีที่คอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศเกิดขึ้นในเมืองไทยมากเป็นประวัติการณ์ ภาพรวมทั้งปีมีคอนเสิร์ตอินเตอร์ราว 50 งาน (ไม่รวมคอนเสิร์ตไอดอลเกาหลี) นับเฉพาะระดับบิ๊กเนมเกือบ 10 งาน เทียบกับหลายปีก่อนจะมีเพียงคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ไตรมาสละครั้งสองครั้งเท่านั้น
ในครึ่งปีหลังยังมีเหลือรออยู่อีกเกือบ 20 งานที่ประกาศออกมาแล้ว และเหลือที่ยังไม่ได้ประกาศออกมา รวมแล้วคาดว่าน่าจะแตะ 30 งาน
คอนเสิร์ตนอกที่เพิ่มจำนวนขึ้นมากส่วนหนึ่งมาจากการที่เจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอย่างบีอีซี-เทโรเพิ่มการจัดงานแบบเต็มสูบในช่วง2ปีหลังมานี้ เป็นผลมาจากการจับมือกับพาร์ตเนอร์รายใหญ่คือ บริษัทไลฟ์ เนชั่น บริษัทธุรกิจบันเทิงที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก จึงสามารถดึงศิลปินเบอร์ใหญ่ ๆ เข้ามาเมืองไทยได้มากขึ้น บวกกับมีผู้จัดรายเล็ก ๆ เกิดขึ้นมาสมทบ
ปรากฏการณ์ผู้จัดหน้าใหม่แนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจนมากในปีนี้ ที่ผู้จัดรายเล็กยังอยู่ได้และจัดงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม HAVE YOU HEARD ? กลุ่ม Medium Rare Live กลุ่ม Live Bangkok-Events Group
ผู้จัดรายหนึ่งที่มาแรงและสร้างชื่อในช่วงสองปีนี้คือ VIJI CORP ที่จัดทั้งคอนเสิร์ตระดับเล็ก กลาง ไปจนถึงใหญ่ งานบิ๊กเนมที่บริษัทนี้เคยจัดก็เช่น Guns N Roses Live in Bangkok เมื่อต้นปี Scorpions และ Morrissey ที่มีกำหนดจัดเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ต้องยกเลิก ในครึ่งหลังของปีนี้ เจ้านี้ยังมี 2 งานสเกลเล็ก คือ LANY และ OH WONDER
ผู้เล่นหน้าใหม่ล่าสุดที่ถูกจับตามองอย่างมากคือ ผู้จัดคอนเสิร์ต FOO FIGHTERS LIVE IN BANGKOK ที่สร้างความแปลกใจว่าเป็นใคร มาจากไหน จึงสามารถจัดคอนเสิร์ตวงดนตรีร็อกเบอร์ 1 ของโลก ณ เวลานี้ได้
ผู้จัดกลุ่มนี้ประกอบด้วย 2 บริษัท คือ บริษัท แจ่มดี จำกัด ร่วมมือกับบริษัท มิราเคิล แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทแจ่มดีเป็นน้องใหม่ในธุรกิจการจัดคอนเสิร์ตนอก ขณะที่บริษัทมิราเคิลฯมีประสบการณ์ 4 ปี แต่คอนเสิร์ต FOO FIGHTERS ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นงานใหญ่ที่สุดที่มิราเคิลฯจัด โดยงานนี้ใช้เงินลงทุนสูงมากกว่า 50 ล้านบาท
นายชนชนก เทียนประภาส ผู้บริหาร บริษัท แจ่มดี จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัททำธุรกิจจัดคอนเสิร์ตไทย มาปีนี้มองเห็นช่องทางว่าธุรกิจจัดคอนเสิร์ตนอกเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ ถึงแม้เป็นธุรกิจที่ลงทุนสูง ความเสี่ยงสูง แต่ก็เป็นธุรกิจที่ได้กำไรสูงเช่นกัน
งานแรกของบริษัทที่เลือกจัดคอนเสิร์ต FOO FIGHTERS เพราะมองเห็นว่าวงนี้มีกลุ่มแฟนเพลงในเมืองไทยมากมั่นใจว่าได้กำไรแน่นอน จึงมองหาพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์ คือ บริษัท มิราเคิล แมเนจเม้นท์ จำกัด
นายสิริพล ศิริเปรมอนันต์ ซีอีโอ บริษัท มิราเคิล แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนเสิร์ตนอกเติบโตขึ้นทุกปี สำหรับปี 2560 เป็นปีที่ดีทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน เนื่องจากศิลปินดังระดับโลกออกเวิลด์ทัวร์เยอะ ประจวบกับภายในประเทศของเราไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ จึงมีคอนเสิร์ตเกิดขึ้นมาก
“4 ปีที่ทำธุรกิจนี้ ได้กำไรทุกปี การทำธุรกิจจัดคอนเสิร์ต ผู้จัดจะต้องรู้จักสินค้าของตัวเองอย่างดี ตัวศิลปิน ซึ่งถือเป็นสินค้าอาร์ต ผู้จัดต้องศึกษาวงการเพลงและศิลปิน และรู้จักกลุ่มเป้าหมาย รู้จักจังหวะเวลาที่เหมาะสม จึงจะสามารถทำธุรกิจนี้ให้ได้กำไร จากประสบการณ์ที่จัดคอนเสิร์ตการจัดงานเล็กที่เหมาะสมก็ทำกำไรได้มากกว่าการจัดงานใหญ่” สิริพลกล่าว
ทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยอีกว่า ปีนี้ยังมีแพลนจะจัดคอนเสิร์ตร่วมกันอีก 3 งาน และทั้งภาพรวมจากที่ได้พูดคุยกับผู้จัดรายอื่น ทราบมาว่ามีคอนเสิร์ตนอกที่ยังไม่ได้ประกาศอีกราว 10 งาน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ปรากฏการณ์ที่มีผู้จัดรายใหม่เข้ามาจัดคอนเสิร์ต ไม่ได้เป็นการแข่งกับรายใหญ่เจ้าตลาด แต่เป็นการเข้ามาในพื้นที่ส่วนที่ยังว่างอยู่
ในทางกลับกัน ความคึกคักในพื้นที่ใหม่ที่ผู้จัดรายเล็กสร้างบรรยากาศขึ้นมา ได้ชี้ช่องให้บริษัทใหญ่อย่างบีอีซี-เทโรได้มองเห็นว่า คอนเสิร์ตสเกลเล็ก ๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน บีอีซีฯจึงโดดลงมาแชร์ส่วนแบ่งตรงนี้ด้วย โดยการจัดอีเวนต์เทศกาลดนตรี SOUNDBOX นำศิลปินอินดี้หน้าใหม่มาแรงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 2 ปีแล้ว
จากที่คอนเสิร์ตนอกเพิ่มขึ้น ธุรกิจหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ผลบวกคือ ธุรกิจรับจัดแสง สี เสียง อุปกรณ์เวที
นายนรเศรษฐ สมบูรณ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลท์ซอร์ส จำกัด บริษัทเจ้าตลาดธุรกิจรับจัดแสงไฟและอุปกรณ์คอนเสิร์ต เปิดเผยว่า ภาพรวมคอนเสิร์ตนอกปีนี้เติบโตขึ้น 50% และถือว่าเติบโตมากทั้งในแง่จำนวนงานและคุณภาพ คือมีศิลปินเบอร์ใหญ่ ๆ โปรดักชั่นใหญ่ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ อย่างมากปีละ 5-6 งานเท่านั้น
บริษัท ไลท์ซอร์ส ได้รับผลบวกทั้งในแง่จำนวนงานที่เพิ่มขึ้น และศิลปินที่ออกเวิลด์ทัวร์ในปีนี้เลือกใช้อุปกรณ์ไฟในประเทศไทยถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากปีก่อน ๆ ที่ศิลปินใหญ่หลายรายจะใช้อุปกรณ์ที่จัดเตรียมมาเอง ดังนั้นปีนี้คาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทเฉพาะรายได้ที่เกิดจากการรับงานคอนเสิร์ตนอกจะโตขึ้น 30%
ติดตามข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้