“The Battleship Island” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่น่าจับตามอง

เรื่องโดย It’s a bell

เทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น “เกาหลีฟีเวอร์” ที่บรรดาแฟน ๆ ชาวไทยต่างเทใจให้กับกลุ่มนักร้องบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป รวมไปถึงซีรีส์จากฝั่งเกาหลีอีกด้วย เห็นได้จากงานอีเว้นต์ต่าง ๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทุกอาทิตย์ ยิ่งบางช่วงบางเดือนแทบจะเรียกได้ว่าเกาหลีบุกไทย และเมื่อกระแสความนิยมในแดนกิมจิเพิ่มสูงขึ้นขนาดนี้ แน่นอนว่าภาพยนตร์เกาหลีก็บูมขึ้นตามมาติด ๆ เห็นได้จากภาพยนตร์เกาหลีได้มีโรงฉายหลายเรื่องทั้งฟอร์มเล็กและฟอร์มใหญ่ อย่างเช่น Train to Busan ที่ดังเป็นพลุแตกทำรายได้มหาศาลในบ้านเรามาแล้ว

และ The Battleship Island ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่น่าจับตามองในปีนี้ โดยทางค่าย Mono Film นำเข้ามาฉาย ซึ่งสาเหตุที่กระแสภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างมาแรงก็มาจากหลายเหตุผล สำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์เกาหลีอยู่แล้ว เมื่อพูดชื่อผู้กำกับ รยูซึงวาน คงร้องอ๋อเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเขาคือผู้กำกับมือดีที่กวาดรางวัลมากมาย แต่หากใครยังไม่เคยรู้จัก รยูซึงวานคือผู้กำกับหนังสายบู๊ที่พร้อมจะเสิร์ฟความมันอย่างหนักหน่วงบนผืนจอเงิน ผลงานกำกับที่ผ่านมา เช่น Verteran (2015), The City of Violence (2007), Arahan (2004)

นอกจากนี้ The Battleship Island ยังรวบรวมนักแสดงนำซูเปอร์สตาร์ระดับแม่เหล็ก ที่แค่เห็นรายชื่อก็ตีตั๋วเข้าชมอย่างไม่คิดมากแล้ว อาทิ ฮวางจองมิน (Ode to My Father, Veteran, The Himalayas) รับบทเป็น ลีคังอ๊ก หัวหน้ากลุ่มนักดนตรีอารมณ์ดีที่จับพลัดจับผลูถูกหลอกให้มายังเกาะฮาชิมะ ประเทศญี่ปุ่น, คิมซูอัน (Train to Busan) รับบทเป็น โซฮี ลูกสาว ลีคังอ๊ก ที่ติดตามพ่อของเธอมายังเกาะแห่งนี้ด้วย, โซจีซบ (Always, ซีรีส์ The Master Sun, Oh My Darling) รับบทเป็น ชเวชิลซอง นักเลงผู้โด่งดังในโซล มีนิสัยหยาบกระด้าง แต่รักความถูกต้อง, ซงจุงกิ (Wolfboy, ซีรีส์ The Descendants of the Sun, Innocent Man) รับบทเป็น พัคมูยอง นายทหารหน่วยรบพิเศษ OSS ที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือนายพลยุน นักโทษทางการเมืองที่อยู่ในเกาะแห่งนี้ และปิดท้ายด้วยสาวสวย ลีจองฮยอน (Roaring Currents, Split) รับบทเป็น โอมัลนยอน สาวแกร่งที่เคยผ่านช่วงเวลาทุกข์ยากมาอย่าโชกโชน แต่เธอกลับไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง

เรื่องราวเกิดขึ้นช่วงปี 1945 ในช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกาะฮาชิมะ หรือ เกาะเรือรบ เป็นเหมืองถ่านหินอย่างดีติดอันดับ และแรงงานส่วนใหญ่ของเหมืองแห่งนี้คือชาวเกาหลีซึ่งถูกหลอกมาขายแรงงานเยี่ยงทาส ถูกทารุณกรรมสารพัดไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก ชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง ไร้ค่าดั่งผักปลา ส่วนผู้หญิงที่ถูกหลอกมายังเกาะแห่งนี้จะถูกส่งไปเป็นนางบำเรอ ขายร่างกายและทำงานบ้านต่าง ๆ ในยุคสงครามที่ทุกคนจะต่างต้องเอาตัวรอด การรวมพลังของเหล่าแรงงานเกาหลีกว่า 400 ชีวิต เพื่อหนีตายออกไปจากเกาะนรกแห่งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น

แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีเกาหลีเป็นตัวเอก ฝั่งผู้ร้ายจึงหนีไม่พ้นคนญี่ปุ่นที่เป็นฝ่ายกระทำความโหดร้ายต่าง ๆ นานาโดยไม่คิดว่านี่คือเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกด้วยกัน เมื่อหนังเลือกแตะประเด็นอันอ่อนไหวนี้ จึงหนีไม่พ้นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ภาพยนตร์ยังไม่เข้าฉาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ออกมาต่อต้านและวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่าสิ่งที่เกาหลีนำเสนอในหนังเรื่องนี้ถูกบิดเบือนไม่เป็นความจริง ที่เกาฮาชิมะไม่เคยใช้แรงงานเด็กแต่อย่างใด เด็ก ๆ ที่ถูกส่งไปที่นั่นได้รับการศึกษาเหมือนเด็กญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป ส่วนแรงงานชายชาวเกาหลีก็ไม่ได้ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส ทุกคนได้รับการดูแลและได้รับค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล ผู้หญิงก็ไม่ได้ถูกส่งไปขายบริการทางเพศ ซึ่งคงจะคล้าย ๆ ประเด็นระหว่างไทยกับพม่าที่ถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ประวัติศาสตร์การปกป้องประเทศในช่วงกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน ภาพยนตร์เป็นการพาผู้ชมหลบหนีจากโลกความเป็นจริงเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง เรื่องราวอาจถูกแต่งแต้มเติมสีสันเข้าไปบ้าง แต่ไม่ว่าประวัติศาสตร์ที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร ถูกต้องมากน้อยแค่ไหน คงไม่มีใครบอกได้ชัดเจน เอาเป็นว่าเราเข้าไปรับชมเพื่อเสพความบันเทิงและจับประเด็นน่าสนใจของเรื่องก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แม้ว่าภาพยนตร์จะถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง แต่ก็ยังคงไต่อันดับขึ้นแท่นหนังทำเงินสูงสุด ก่อนเปิดตัวฉายที่ประเทศเกาหลีอย่างเป็นทางการ มียอดผู้จองตั๋วล่วงหน้าถึง 179,533 ที่นั่ง ทำลายสติการจองตั๋วล่วงหน้าที่ภาพยนตร์ Train to Busan เคยทำไว้ชนะขาดลอย และเปิดตัวฉายวันแรกด้วยยอดขายตั๋วมากถึง 970,516 ใบ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รับรองว่า The Battleship Island จะพาทุกท่านไปสัมผัสความกดดัน โหด มัน ฮา น้ำตาไหล จัดหนักจัดเต็มตลอด 2 ชั่วโมง 10 นาทีอย่างแน่นอน และผู้กำกับรยูซึงวานไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ