
นายพรชัย ว่องศรีอุดมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในปี 2561 ณ ห้องแพลตินั่มรูม 2 บลูโอ ริธึม แอนด์ โบว์ล ชั้น 5 พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในปี 2561 นี้ เติบโตขึ้นจากปีก่อน 100% จากสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 11% ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 22%
โดยในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2561 พบว่า มีภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ น้องพี่ที่รัก ของจีดีเอช, ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก ของเอ็ม 29, ขุนพันธ์ 2 ของสหมงคมฟิล์ม และ ๙ ศาสตรา ของเอ็ม พิคเจอร์ส ซึ่งมีจำนวนเรื่องมากกว่าปีก่อน ที่มีภาพยนตร์ไทยทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท เพียง 3 เรื่อง ได้แก่ ส่ม ภัค เสี้ยน ของเอ็ม พิคเจอร์ส, Bad Genius ฉลาดเกมส์โกง ของจีดีเอช และมิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ ของทรานฟอร์เมชั่น
นายพรชัย กล่าวว่า สำหรับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ที่จะมีภาพยนตร์เข้าฉายอีก 11 เรื่องนั้น คาดว่า จะมีภาพยนตร์ 3-4 เรื่อง ในจำนวนดังกล่าวที่สามารถทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท ได้แก่ นาคี 2, โฮมสเตย์, โนราห์ และขุนบันลือ ส่งผลให้เฉพาะไตรมาส 4 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็คาดว่า ทั้งปี 2561 บริษัทจะมีรายได้รวม อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 50% และต่างจังหวัด 50% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการขยายตัวที่ดีขึ้น
“ปี 2561 มีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายรวม 43 เรื่อง แม้จะน้อยกว่าปี 2560 ที่มีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายรวม 48 เรื่อง แต่หากสามารถทำรายได้รวมได้มากกว่า และเมื่อเร็วๆ นี้ ภาพยนตร์เรื่อง นาคี 2 ได้ทำสถิติภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เร็วที่สุดในรอบ 10 ปี โดยในระยะ 4 วัน (18-21 ตุลาคม 2561) ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ สามารถทำรายได้เกือบ 200 ล้านบาท โดยทำรายได้เปิดตัววันแรกที่เข้าฉายทั่วประเทศ กว่า 50 ล้านบาท แม้จะเข้าฉายในวันธรรมดาก็ตาม ซึ่งทำให้เป็นแรงหนุนให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตและกลับมาคึกคักอีกครั้ง” นายพรชัย กล่าว
นายพรชัย กล่าวว่า ส่วนแผนการผลิตภาพยนตร์ในปี 2562 บริษัทมีแผนที่จะผลิตภาพยนตร์ประมาณ 12 เรื่อง ทั้งประเภท โรแมนติก, คอมเมอร์ดี้ ดราม่า และสยองขวัญ เจาะกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม โดยวางเม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 400 ล้านบาท แบ่งออกเป็น การลงทุนในภาพยนตร์ต่างประเทศ 100 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะทำรายได้อยู่ที่ 130-150 ล้านบาท และภาพยนตร์ไทย 300 ล้านบาท คาดว่า จะทำรายได้อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
ที่มา มติชนออนไลน์