Sam Smith Live in Bangkok โชว์คุณภาพศิลปินมาตรฐานสูง

ในวันที่มีศิลปินหน้าใหม่ผุดขึ้นมามากมายในวงการดนตรี การที่นักร้องคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงทั่วโลกย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะต้องใช้ทั้งความสามารถ ความมุ่งมั่นตั้งใจ บวกกับเสน่ห์เฉพาะตัวที่ส่งให้ศิลปินคนนั้นสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้จำนวนมหาศาล

“แซม สมิธ” ศิลปินเสียงนุ่มจากเกาะอังกฤษ ออกอัลบั้มแรกในชีวิตเมื่อปี 2014 ในปี 2015 เขาคว้าแกรมมี่อะวอร์ดสมาครองได้ถึง 4 รางวัล และจากอัลบั้มล่าสุดแซมได้ก้าวสู่บันไดความสำเร็จไปอีกขั้น ด้วยยอดขายที่ทะยานสูงกว่า 1.4 ล้านก๊อบปี้ เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า แซม สมิธ คือ ศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา แซมเลือกจบเอเชียทัวร์ “Sam Smith the Thrill of It All Tour” ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมกับมวลความอบอุ่นของแฟนเพลงทั้งไทยและเทศทั่วทั้งฮอล

เกือบ 2 ชั่วโมงแซมขนความสุขความสนุกมาเสิร์ฟให้แฟนเพลงกว่า 21 เพลง บ้าไปแล้ว…21 เพลงตลอดคอนเสิร์ตที่แซมแอบพักเหนื่อยไปไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ มาตรฐานเสียงของแซมไม่มีตกแม้แต่นิดเดียว เขาเลือกขนเพลงฮิตมาจากทุกอัลบั้ม รวมถึงซิงเกิลล่าสุดที่ร่วมแจมกับศิลปินอิเล็กทรอนิกส์ “Calvin Harris” อย่าง “Promise” เพลงที่ร่วมฟีเจอริ่งกับ 2 พี่น้อง “Disclosure” ทั้ง “Latch” และ “Omen” หรือจะเป็นซิงเกิลประกอบภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ “Spectre” ที่คว้ารางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม “Writing”s on the Wall” แซมก็จัดให้ได้ฟังอย่างครบถ้วน

เริ่มต้นด้วยเพลงฮิตกันต่อเนื่องทั้ง “One Last Song” “I”m Not the Only One” และ “Lay Me Down” เสียงทุ้มนุ่มฉบับโซลปนอาร์แอนด์บีของแซมขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงทั้งฮอล

หลายคนตะโกนเรียก “แซม แซม ไอเลิฟยู !” ทำเอาหนุ่มแซมยิ้มไม่หุบ แถมหยอดแฟน ๆ ชาวไทยกลับด้วยว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ผมอยากจะมานานแล้ว ยิ่งวันนี้ได้มาเจอพวกคุณมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า This is so amazing !”

ต่อเนื่องด้วยเพลง “I Sing Because I”m Happy” เพลงเบา ๆ โชว์เนื้อเสียงเคล้ากับเปียโน กระชากอารมณ์กับเพลงมีสเต็ป “Omen” ที่แซมออกปากว่า อยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นกัน ซึ่งแฟนชาวไทยก็ให้ความร่วมมือกันสุด ๆ เพราะแทบจะลุกขึ้นโยกไปกับจังหวะเพลงกันทั้งฮอลทุกครั้งที่แซมเอ่ยปาก ถัดมาที่ “Nirvana” ที่แม้จะออกสเต็ปไปก่อนหน้านี้ แต่แซมก็ไม่พลาดกับการร้องที่สามารถแตะถึงได้ทุกโน้ต สุดยอดจริง ๆ

กลับมาดิ่งกับเพลงช้าเค้นอารมณ์อย่าง “I”ve Told You Now” และ “Writing”s on the Wall” ได้ไม่นาน แซมก็ชวนแฟน ๆ

ทั้งอิมแพ็คลุกขึ้นออกสเต็ปยาว ๆ จาก “Latch” “Money on My Mind” “Like I Can” ยาวไปถึง “Restart” ก่อนที่แซมจะแอบเข้าไปเปลี่ยนชุดในช่วงท้ายของ “Baby, you make me crazy” และออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดโชว์ พร้อมกับเอ่ยปากชมแฟน ๆ ไม่หยุด แซมพูดประมาณว่า เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าแฟน ๆ ที่นี่จะให้การตอบรับดีขนาดนี้ ไม่ใช่เฉพาะแค่บัตรที่ sold out แต่แฟนเพลงที่นี่มีพลังเหลือล้นมากที่สุดที่หนึ่งที่เขาเคยทัวร์มาเลย ทั้งช่วยร้อง ออกสเต็ปยืนเต้นทั้งบนสแตนด์หรือโซนหน้าเวที มีรีแอ็กชั่นตลอดการโชว์ตั้งแต่แรกจนถึงเพลงนี้ เราแทบจะนับคำว่า “thank you” จากแซมไม่ได้เลยว่าเขาพูดออกมากี่ครั้ง และเราสัมผัสได้ถึงคำขอบคุณนั้นจริง ๆ

แซมกลับมาโชว์พลังเสียงอีกครั้งกับ “Say It First” “Midnight Train” และ “Him” โดยเฉพาะ “Midnight Train” ที่เราชอบเป็นพิเศษเหลือเกิน จริง ๆ แทบทุกโชว์ที่มีเพียงเสียงดิบ ๆ ของแซมเคล้ากับเปียโนเบา ๆ ก็เปอร์เฟ็กต์มากแล้ว

จากนั้นพลิกอารมณ์มาที่เพลงจังหวะสนุก ๆ พร้อมแสงสีในโชว์แบบจัดเต็มกับซิงเกิลที่แซมได้ร่วมฟีเจอริ่งกับเจ้าพ่ออิเล็กทรอนิกส์ “Calvin Harris” ในเพลง “Promise” แซมเอ่ยปากว่า เขาอยากให้ที่นี่ตอนนี้กลายเป็นผับเกย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ! แฟนเพลงทั่วทั้งฮอลพร้อมใจกันลุกขึ้นแดนซ์พร้อมกับแซมที่นำทีมโชว์สเต็ปเท้าไฟอย่างออกรส

ปิดท้ายด้วยเพลงฮิตตลอดกาล “Too Good at Goodbyes” ทั้งฮอลร้องตามกันได้แทบทุกคน จนคล้ายกับรู้ว่าโชว์น่าประทับใจของวันนี้ใกล้จะหมดเวลาลงแล้ว จบเพลงแซมโบกมือขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้การตอบรับอย่างดีและกลับเข้าหลังเวทีไป

แต่แฟนเพลงชาวไทยพลังล้น (ตามที่แซมย้ำหลาย ๆ รอบ) ก็ผลัดกันตะโกนเรียกจนในที่สุดแซมกลับมาจัดให้อีก 3 เพลงรวด ทั้ง “Palace” “Stay With Me” และ “Pray” ส่งท้ายด้วยความน่ารักของหนุ่มแซมที่ดูแล้วน่าจะประทับใจแฟนเพลงชาวไทยอย่างมาก จนเขาบอกว่า “Hope to see you guys very soon !” ไม่รอช้าทุกคนรีบส่งเสียงตอบกลับ “yes !”

แม้ตอนแรกเราจะคิดว่า สำหรับศิลปินที่ไม่ได้มีเพลงจังหวะโยกตามมากอาจจะมีช่วงที่น่าเบื่อหรือไม่สนุก แต่คงจะใช้ไม่ได้ในโชว์ครั้งนี้ คอนเสิร์ตที่สนุกอาจจะไม่ใช่การโชว์ดนตรีหนักจัดจ้าน แต่คือการที่ศิลปินส่งพลังมาให้แฟน ๆ เกือบหมื่นคนในฮอลได้ทั่วถึงกันหรือไม่ และ “Sam Smith the Thrill of It All Tour” ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้กับคำถามค้างคาใจก่อนไปดูโชว์ครั้งนี้ของเราเรียบร้อยแล้ว…