Bodyslam เก็บประสบการณ์ 8 ปี จัดคอนเสิร์ตใหญ่ราชมังคลาอีกครั้ง เล่นเพลงที่ทุกคนอยากได้ยิน

8 ปีที่แล้ว วงบอดี้สแลม (Bodyslam) แสดงคอนเสิร์ตใหญ่สร้างปรากฏการณ์ของวงการที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ชื่อคอนเสิร์ต “BODYSLAM LIVE IN คราม” ตามชื่ออัลบั้ม “คราม” ผลงานชุดที่ 5 ของพวกเขา ภาพตูน บอดี้สแลมย้อมผมสีทอง ถอดเสื้อ ปีนเสาไฟ และวิ่งพล่านทั่วเวทียังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่เป็น 1 ใน 65,000 คนในคืนนั้น

ต้นปี 2562 นี้ ภาพเหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้ง บอดี้สแลมประกาศจัดคอนเสิร์ตใหญ่ BODYSLAM FEST วิชาตัวเบา Live In ราชมังคลากีฬาสถาน ครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งก่อนเท่าตัว เพราะแสดงถึง 2 รอบ ในวันที่ 9 และ 10 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นตามธรรมเนียมของวงบอดี้สแลมที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่ทุกอัลบั้มนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ค่ายจีนี่ เร็คคอร์ดส ในชายคาแกรมมี่ นับตั้งแต่ Believe ที่ธันเดอร์โดม, Save My Life ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก, คราม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน และ ดัม-มะ-ชา-ติ ที่แสดงทั้งในกรุงเทพฯและออกทัวร์ต่างจังหวัด จนมาถึงครั้งนี้อัลบั้ม วิชาตัวเบา กับคอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

เหตุผลที่คอนเสิร์ตนี้ต้องใหญ่มากขนาดเล่นในราชมังคลาฯ 2 รอบ ห้าหนุ่มบอดี้สแลม (ตูน-ร้องนำ, ยอด-กีตาร์, ปิ๊ด-เบส, โอม-คีย์บอร์ด, ชัช-กลอง) บอกว่า พอจะทำวิชาตัวเบาก็รู้สึกคิดถึงบรรยากาศในราชมังคลาฯ อยากจะเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ในราชมังคลาฯอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้ รอเล่นอัลบั้มหน้า ซึ่งน่าจะอีก 4-5 ปี อายุน่าจะมากเกินกว่าที่จะเล่นคอนเสิร์ตสเกลใหญ่ขนาดนี้แล้ว

ด้วยความที่อยากให้แฟน ๆ ได้ดูกันอย่างครบถ้วนทั่วถึง เนื่องจากคราวที่แล้วเล่นรอบเดียวมีแฟนเพลงซื้อบัตรไม่ทันเยอะ บวกกับอยากใช้โปรดักชั่นให้คุ้ม รวมถึงให้คุ้มกับที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจซ้อมกัน 2 เดือน จึงตกลงกันว่าจะแสดง 2 รอบ

พวกเขาบอกว่า คอนเสิร์ตครั้งใหญ่พิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะแตกต่างจากไลฟ์ อิน คราม ตรงที่อายุมากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะส่งผลให้โชว์ครั้งนี้ดีขึ้น สามารถปิดจุดบกพร่องในครั้งก่อนได้

“ด้วยความที่เราทัวร์มาเยอะ หลังจาก 8 ปีที่แล้ว เราก็ออกอัลบั้มคราม ออกอัลบั้มดัม-มะ-ชา-ติ ได้ไปเล่นมาหลายร้อยเวที แล้วก็รู้สึกว่าประสบการณ์ที่เราเก็บเกี่ยวมาตลอด 8 ปี มันจะถูกใช้ถูกโชว์ในวันนั้น ไลฟ์ อิน คราม ครั้งที่แล้วมันเป็นครั้งแรกที่เราได้เล่นในสนามใหญ่ขนาดนั้น บางทีมันมีเหลี่ยมมุมที่เราตื่นเต้นกับมัน เราลนลาน ทำอะไรไม่ถูก เราไม่รู้จะใช้พลังชีวิตแค่ไหนบนเวทีในโชว์ 3-4 ชั่วโมงที่เกิดขึ้น มันก็มีบางอันที่เรารู้สึกว่าถ้าได้ทำอีกทีเราจะทำได้ดีขึ้น แล้ววันนี้ก็มาถึง ครั้งนี้เราน่าจะทำได้ดีขึ้น จากที่เรามีประสบการณ์หลายร้อยคอนเสิร์ต และเราได้ไปซ้อมใหญ่ในคอนเสิร์ตจี 19 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา” ตูนเป็นตัวแทนวงอธิบาย

ก่อนจะไปถึงวันคอนเสิร์ตในอีกเกือบ 2 เดือนข้างหน้า ตอนนี้ความรู้สึกของศิลปินยอมรับว่าตื่นเต้นมาก

“คอนเสิร์ตที่ราชมังคลาฯสองรอบมันตื่นเต้นมาก ผมว่าพวกเราห้าคน รวมถึงทุกคนในค่ายตื่นเต้นกันหมด แฟนเพลงบอดี้สแลมก็น่าจะตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ใครหลาย ๆ คนที่เคยไปอยู่ในสนามราชมังคลากีฬาสถานเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ก็จะรู้ว่ามันพิเศษ สำหรับผมราชมังคลาฯมันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเล่นคอนเสิร์ต มันไม่บ่อยครั้งที่เราจะมีแรงทำโชว์ขนาดนี้ได้ ก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ขึ้นไป แล้วเห็นบรรยากาศแบบไลฟ์ อิน คราม อีกครั้ง”

เรื่องเพลงที่จะแสดงในคอนเสิร์ต พวกเขาบอกว่า น่าจะมากถึง 30 เพลง 

“เราจะเล่นเพลงที่ทุกคนอยากได้ยิน เพลงที่ทุกคนน่าจะมีประสบการณ์ร่วม ขึ้นอินโทรมา ร้องท่อนฮุกมาทุกคนอาจจะย้อนไปในช่วงที่เราอยู่กับเพลงนี้ ตอนนั้นเราทำอะไรอยู่ เราคิดถึงใคร เรารักใคร เรามีพลังงานดี ๆ อยู่ เราท้ออยู่หรือเปล่า ความตั้งใจผมอยากให้ทุกคนมีความสุขกับเพลงที่ตัวเองมีประสบการณ์ร่วม ที่ทุกคนเคยร้องไห้กับมัน หรืออะไรก็ตาม ผมอยากให้เกิดมวลนี้ในคอนเสิร์ต” ตูนบอก

บอดี้สแลมมีเพลงมากมายที่แฟนเพลงอยากฟัง เกณฑ์การเลือกเพลงคือ ต้องบาลานซ์กันระหว่างเพลงที่คนฟังอยากฟังและเพลงที่ศิลปินเอ็นจอยในการแสดง

“ในการซ้อมวันแรก เราพยายามเล่นเพลงเก่าที่ไม่ได้เล่นนานแล้ว เราพยายามจะเช็กว่าเรารู้สึกอะไรกับมัน เราจะขึ้นไปเล่นมันด้วยท่าทีแบบไหน ถ้าเราไม่ได้รู้สึกสนุกกับมันแล้ว หรือว่าไม่ได้เอ็นจอยกับมันในแบบที่เราควรขึ้นไปโชว์ เราก็คิดว่าจะไม่เลือกเพลงนั้น มันต้องมีความสมดุลระหว่างเรากับเขา (แฟนเพลง) และกับโชว์ด้วย”

ส่วนแขกรับเชิญที่จะปรากฏตัวบนเวทีก็คือ แขกรับเชิญที่ฟีเจอริ่งในอัลบั้มใหม่ของบอดี้สแลมที่จะปล่อยวางขายก่อนคอนเสิร์ตราว 1-2 สัปดาห์

นอกจากนั้น พวกเขาบอกรายละเอียดภาพรวมของงานว่า คอนเสิร์ตนี้จัดเป็นรูปแบบเฟสติวัล นอกจากคอนเสิร์ตในสนามราชมังคลาฯแล้ว ด้านนอกจะเป็นเฟสติวัลที่รวบรวมเรื่องราวของบอดี้สแลมตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ทั้งในด้านดนตรีและแง่มุมอื่น ๆ ในอาชีพนี้

ส่วนประกอบหนึ่งที่พวกเขาพูดถึงเยอะก็คือ เวทีเล็กนอกสนามที่จะเปิดให้นักดนตรีที่อยากเล่นมาเล่น ไม่ว่าจะเป็นระดับมัธยม มหาวิทยาลัย บุคคลทั่วไป ซึ่งนักดนตรีที่มาแสดงบนเวทีนี้เป็นภาพสะท้อนของบอดี้สแลมในสมัยก่อน ที่หาเวทีเล่น เวทีประกวด โดยไม่ได้สนใจรางวัล ขอแค่มีเวทีให้ขึ้นแสดง

“ไม่มากก็น้อย ผมว่าคนที่มาดูในวันนั้นน่าจะได้แรงบันดาลใจจากวงดนตรีเหล่านี้ ผมคิดว่านี่แหละมันคือพี่ชัช คือพี่โอม คือพี่ยอด คือพี่ปิ๊ด คือผมที่ในอดีตเราก็เล่นแบบนี้ ยกแอมป์ ยกกีตาร์กันไปเอง มันสนุก บรรยากาศมันดี เราคิดว่าอยากให้ทุกคนได้เห็น ได้รู้สึกกับมัน” ตูนว่า และชัชยังแอบบอกว่า จะมีเซอร์ไพรส์ที่เวทีเล็กด้วย

…เซอร์ไพรส์ที่เขาว่า อาจจะเป็นบอดี้สแลมสวมชุดนักเรียนไปโผล่บนเวทีเล็ก ก็เป็นได้

สำหรับงานในรูปแบบเฟสติวัล สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาหาร ซึ่งอาหารในงานนี้ก็ไม่ธรรมดาตรงที่สมาชิกวงบอดี้สแลมเลือกกันมาเองคนละสองสามร้าน โดยเลือกร้านที่วงชอบไปกินหลังจากเล่นคอนเสิร์ต หรือร้านที่ประทับใจในระหว่างเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตตามต่างจังหวัด

ให้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ปิดท้ายด้วยคำเชิญชวนจากตูนว่า “ขอบคุณหลาย ๆ คนที่ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว ก็อยากจะฝากว่ามันคงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ล่าสุด ก็ 8 ปีที่แล้ว ถ้าคิดเป็นบัญญัติไตรยางศ์ก็น่าจะอีก 8-9 ปี มันจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า อยากจะเชิญชวนแฟน ๆ บอดี้สแลมไม่ว่าจะเป็นแฟนอัลบั้มไหนก็แล้วแต่ โชว์นี้จะเป็นโชว์ที่มีความสุขสำหรับแฟน ๆ บอดี้สแลม รวมถึงพวกเราบอดี้สแลมด้วย อยากเชิญชวนมาเยอะ ๆ เพราะว่ามันขาดทุกคนไม่ได้จริง ๆ มันจะพิเศษเพราะว่าทุก ๆ คน มือไม้ของทุกคน ทุก ๆ ดวงไฟ ทุก ๆ เสียงร้องของทุกคน มันเป็นหนึ่งในโชว์ของวันนั้นเช่นเดียวกัน มันไม่ใช่แค่บนเวที”