Troye Sivan Live in Bangkok โชว์ครั้งแรกของศิลปินมาแรงแห่งยุค

ชื่อของทรอย ซีวาน (Troye Sivan) เป็นที่รู้จักในฐานะของศิลปินพ็อปมาแรง พ่วงด้วยความพยายามในการรณรงค์เรื่องเพศที่สามอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทรอยเองเคยเผยแพร่คลิปวิดีโอบนแชนเนลของตัวเองที่มีชื่อว่า “Coming Out” เด็กหนุ่มที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่เด็ก จากยูทูบเบอร์สู่อาชีพศิลปินนักร้องรุ่นใหม่ที่สอดแทรกเนื้อร้องและท่วงทำนองบอกเล่าตัวตน พร้อมเป็นกระบอกเสียงให้กับเพศที่สามไปในขณะเดียวกัน

หลังปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่สอง Bloom เมื่อปีก่อน ทรอย ซีวานออกเวิลด์ทัวร์ทันที และกรุงเทพฯ คืออีกหนึ่งจุดหมายสำคัญในเอเชียที่ทรอยไม่พลาดจะมาเยือน เวลาประมาณ 20.45 น. ทรอยขึ้นเวที ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 เปิดโชว์ด้วย Seventeen แทร็กแรกจากอัลบั้มล่าสุด เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ได้ถล่มทลาย

แม้เพลงนี้จะไม่ได้ถูกเลือกมาเป็นซิงเกิลโปรโมต แต่แฟน ๆ ในฮอลล์ก็สามารถร้องตามกันได้อย่างเหนียวแน่น ต่อด้วย Bloom และ Plum เพลงแดนซ์มีจังหวะชวนโยกเคล้ากับเสียงทุ้มสุดเซ็กซี่ของน้องทรอยก็ทำเอาแฟน ๆ ทั้งหญิง ชาย และชาวเควียร์สนุกสุดเหวี่ยงไปตาม ๆ กัน

จบเพลงทรอยพูดคุยทักทายกับแฟน ๆ ด้วยแววตาเป็นประกาย เขาบอกว่า กรุงเทพฯ คือเมืองสุดท้ายของเอเชียทัวร์ครั้งนี้ และดีใจมาก ๆ ที่มีโอกาสได้มาทัวร์ที่นี่เป็นครั้งแรก แต่กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ ขนาดนี้ ซึ่งระหว่างที่ทรอยพูดคุยหรือร้องเพลง จะมีแฟน ๆ ด้านล่างคอยโบกธงสีรุ้ง รวมถึงเปิดวอลเปเปอร์ธงในโทรศัพท์ชูไปด้วย เห็นอย่างนี้แล้วทรอยเลยแอบแซวตบท้ายว่า ในฮอลล์นี้เต็มไปด้วย “queer power” อย่างมหาศาลจริง ๆ

ไม่ให้เป็นการเสียเวลา เขาเลือกหยิบเพลงความหมายลึกซึ้งกินใจจากอัลบั้มแรก Heaven ถ่ายทอดด้วยฟีลลิ่งที่เอ่อล้น พร้อมเล่าเกริ่นก่อนเข้าเพลงว่า เขาแต่งเพลงนี้ในช่วงเวลาที่รู้สึกสับสนกับสิ่งที่ตัวเองเป็น เขาไม่แน่ใจว่านี่คือสิ่งที่ถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร

แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทรอยตกผลึกได้ก็คือ หากสิ่งที่เขาเป็นอยู่จะทำให้ไม่ได้ขึ้นสวรรค์ หรือจะผิดหลักกฎเกณฑ์อะไรก็แล้วแต่ เขาก็พร้อมยอมรับ และใช้ชีวิตต่อจากนี้ด้วยตัวตนที่เขาเป็นนั่นเอง ทั้งฮอลล์ส่งเสียงให้กำลังใจทรอยกันแบบสุด ๆ ตลอดเพลงนี้

จากนั้นต่อด้วย Fools ตามด้วย Lucky Strikes แล้วก็ Wild และ I’m so tried… เพลงฮิตที่ได้ศิลปินพ็อปมาแรงอย่าง Lauv ร่วมฟีเจอริ่งด้วย

จากนั้นทรอยเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งพร้อมนั่งสบาย ๆ บนโซฟากลางเวที บวกกับกีตาร์อะคูสติกในโหมดช้า ๆ ซึ้ง ๆ กับเพลงความหมายน่ารัก Postcard ต่อด้วยบทเพลงเนื้อหาแสนเศร้าแต่สวยงามที่ทรอยแต่งขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเลิกกับแฟน ซึ่งสิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือความทรงจำดี ๆ ที่เคยร่วมสร้างด้วยกันมาตลอดเวลาอย่าง The Good Side แล้วปิดเบรกเพลงเบา ๆ ด้วย What a Heavenly Way to Die และ Bite

ก่อนทรอยจะเปลี่ยนไปสวมเสื้อซีทรูขยับจังหวะในเพลง Dance To This และ Animal

ด้วยความน่ารักขี้เล่นอารมณ์ดี ทรอยมีการเตี๊ยมกับแฟนเพลงด้วยว่า “หลังจบเพลงนี้จะมีอังกอร์ต่อ พวกคุณต้องตะโกนเรียกผมสุดเสียงให้เหมือนผมเป็นพ็อปสตาร์เลยนะ จากนั้นผมจะค่อย ๆ ออกมาเล่นอังกอร์ต่ออีกสักเพลงสองเพลง”

ชอตนี้เรียกเสียงหัวเราะลั่นจากแฟน ๆ ด้านล่างเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็ไม่ทำให้ทรอยต้องผิดหวัง จบเพลง Animal แฟน ๆ ส่งเสียงกรี๊ดพร้อมเรียกทรอยดังเป็นจังหวะต่อเนื่อง กระทั่งทรอยออกมาระเบิดความมันส์ให้ในเพลง Youth และ My My My !

นับว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ อย่างท่วมท้น ไม่ใช่แค่เพลงความหมายดี ๆ เท่านั้นที่เป็นตัวชูโรงให้กับโชว์ครั้งนี้ แต่ด้วยทัศนคติ ความขี้เล่นเป็นกันเอง ความที่เป็นคนพูดเก่ง อัธยาศัยดีของทรอย พาให้บรรยากาศมวลรวมในครั้งนี้

เหมือนปาร์ตี้ขนาดพอเหมาะที่พาทุกคนมาเจอกันผ่านบทเพลงที่แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง หอบความสุขความประทับใจพกใส่กระเป๋ากลับบ้านไปตาม ๆ กัน