6 Facts น่าสนใจ อำลา Game of Thrones

เป็นเวลา 8 ปีที่ Game of Thrones สุดยอดซีรีส์เรื่องดังจาก HBO ครองใจคนดูทั่วโลกด้วยตัวเลขสถิติที่ยากจะทำลาย แต่ถึงแม้ประสบความสำเร็จมากขนาดไหน ซีรีส์เรื่องดังที่สร้างจากนิยายดัง A Song of Ice and Fire ของจอร์จ อาร์.อาร์. มาร์ติน (George R.R. Martin) ก็ต้องเดินทางมาถึงบทอวสานเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา (อิงตามเวลาสหรัฐอเมริกา) เช่นกันกับงานเลี้ยงที่สนุกแค่ไหนก็ย่อมต้องเลิกรา

แฟน ๆ ลุ้นกันมานานว่า ในที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์เหล็กปกครองเวสเทอรอส นอกจากลุ้นแล้วยังต้องเอาใจช่วยอีกว่าผู้ปกครองคนใหม่จะดีกว่าคนที่ผ่าน ๆ มาหรือไม่ และในที่สุด คนดู (ที่ดูแล้ว) ก็ได้รู้กันแล้วว่าใครคือคนนั้น

ไม่ว่าตอนจบจะถูกใจคนดูหรือไม่ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และจะไม่มีการสร้างใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ถูกใจใครเป็นแน่ เว้นแต่ว่า เรื่องราวในอนาคตหลังจากนั้น ซึ่งหลาย ๆ อย่างในตอนจบก็ยังเปิดช่องให้พลิกได้อีกหลายตลบในภาคต่อไป (ถ้ามีการสร้าง)

เพื่ออำลา Game of Thrones สุดยอดซีรีส์ซึ่งอยู่ในพื้นที่สื่อมาเกือบทศวรรษ เป็นบทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ pop culture ของยุค 2010s เราขอพูดถึง facts ที่น่าสนใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ที่จะอยู่ในใจคนดูไปอีกนาน

1.จอน สโนว์ คือคนที่ชาวอเมริกันทั้งสองฝั่งอยากให้ครองบัลลังก์เหล็ก : ก่อนที่ GOT ซีซั่น 8 จะดำเนินมาถึง EP สุดท้าย Firehouse Strategies and Optimus ได้เปิดเผยผลโพลว่า 50% ของชาวอเมริกันที่ดูซีรีส์เรื่องนี้โหวตสนับสนุนให้จอน สโนว์ ขึ้นนั่งบัลลังก์เหล็กปกครองเวสเทอรอส ซึ่งโพลนี้เผยให้เห็นว่า จอน สโนว์ คือคนที่ทำให้ชาวอเมริกันสองฝั่งขั้วตรงข้ามทางการเมืองมีความเห็นตรงกัน เห็นได้จากตัวเลขที่ว่า 47% ของผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต และ 55% ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันต่างเทคะแนนให้เขา

คนที่ได้รับเสียงโหวตรองลงมาก็คือ อาร์ย่าผู้สังหารเดอะ ไนท์ คิง 14% ขณะที่ซานซ่ากับแดเนรีส ตามมาที่ 11% ทีเรียน แลนนิสเตอร์ 10% ส่วนแบรนดูเหมือนจะเป็นคนที่อยู่นอกสายตาคนดู ไม่มีชื่ออยู่ใน 5 อันดับ

2.อาร์ย่า เป็นชื่อยอดฮิตที่ถูกนำไปตั้งชื่อลูก : ด้วยความนิยมของ GOT จึงมีการนำชื่อตัวละครไปตั้งเป็นชื่อเด็กแรกเกิดมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ซีรีส์เรื่องนี้ออกฉาย ตามที่สำนักงานประกันสังคมสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลว่า ปี 2018 มีเด็กที่เกิดในสหรัฐ 4,500 คนถูกตั้งชื่อตามตัวละครใน GOT (ไม่นับชื่อ Jons และ Jaimes) ในจำนวนนี้ ชื่อตัวละครในเรื่องที่ถูกนำไปตั้งชื่อเด็กมากที่สุดคือ อาร์ย่า (Arya) จำนวน 2,594 คน ตามมาด้วย คาลีซี (Khaleesi) 560 คน ยาร่า (Yara) 434 คน ลีแอนนา (Lyanna) 319 คน และแดเนรีส (Daenerys) 163 คน

3.แบรนคือตัวละครแรกที่ถูกสร้างและวางเป็นตัวสำคัญตั้งแต่แรก : จอร์จ อาร์.อาร์. มาร์ติน ผู้เขียนบทประพันธ์เคยเปิดเผยว่า ตระกูลแรกในเรื่องที่เขาเขียนขึ้นมาคือ ตระกูลสตาร์ก ส่วนลูกคนแรกของเน็ด สตาร์ก
ที่เขาเขียนขึ้นมาตั้งแต่บทแรกเลยก็คือ แบรนดอน

หากใครเคยอ่านที่จอร์จเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ แล้วเอามุมคิดแบบนักเขียนหรือคนสร้างเรื่องเข้ามาจับ ก็จะสามารถเดาบทสรุปของเรื่องได้ (หรือไม่ก็ใกล้เคียง) ว่า ใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์ เพราะว่าโดยส่วนมากแล้ว เวลาจะเขียนเรื่องขึ้นมาสักเรื่อง นักเขียน ไม่ว่าจะเขียนนิยายหรืองานเขียนประเภทอื่นก็จะต้องคิดจากตัวละครหลักหรือประเด็นหลักก่อน แล้วค่อยแตกออกไปเขียนถึงตัวละครรอง ๆ และบริบทรอบ ๆ ดังนั้นจึงถือว่าจอร์จได้แอบเผยบทสรุปของเรื่องออกมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าเขาไม่ได้เขียนบทสรุปเอง แต่เดาว่าคนเขียนบทก็คงคิดเรื่องต่อจากหลักการประมาณนี้

4.อาร์ย่า-ซานซ่า ผู้ปฏิวัติบทบาทผู้หญิงยุคกลาง : จอร์จ มาร์ติน บอกว่าเขาต้องการจัดการกับบทบาทของผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในยุคกลาง ซึ่งเป็นสังคมชายเป็นใหญ่และใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือสร้างพันธมิตรโดยการแต่งงาน เราจึงได้เห็นตัวละครผู้หญิงในตระกูลสตาร์กทำอะไรหลายอย่างที่เป็นเรื่องของผู้ชาย ไล่มาตั้งแต่แม่ที่ไปเจรจาหาพันธมิตรในการรบให้ลูก อาร์ย่าที่ชอบอะไรเหมือนเด็กผู้ชาย ฝึกฝนวิชาการต่อสู้มุ่งมั่นล้างแค้น และเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่อง คนที่สำคัญคือซานซ่า ผู้หญิงที่เริ่มบทบาทด้วยความเป็นผู้หญิงแบบ traditional สุด ๆ แต่ต่อมาเธอกลายเป็นผู้ปกครองที่ผู้ชายต้องเกรงขาม ถือเป็นตัวละครที่พัฒนาการที่น่าสนใจมาก เป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงสามารถแสดงศักยภาพได้ด้วยสมองและหัวใจโดยที่ภายนอกยังคงความเป็นผู้หญิงไว้อย่างครบถ้วน

5.ตระกูลทาร์แกเรียนร่ำรวยที่สุดในเรื่อง : ไม่มีใครต้านทานกระแสได้จริง ๆ แม้แต่สื่อธุรกิจการเงินชื่อดังอย่าง Bloomberg ยังโดดเข้ามาร่วมวงจัดอันดับตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดใน GOT โดยวัดจากทรัพย์สินที่ถือครองในตอนจบเรื่อง ซึ่งตระกูลที่รวยที่สุดก็คือตระกูลทาร์แกเรียน ผู้ครอบครองมังกรนั่นเอง แม้ว่าเริ่มต้นเรื่องตระกูลทาร์แกเรียนไม่มีอะไรเลย โดนฆ่าล้างตระกูล โดนยึดทรัพย์สินไปหมด แต่เมื่อแดเนรีส ทาร์แกเรียน พามังกรของเธอกลับเวสเทอรอสมาล้างแค้น เธอเป็นทั้งเจ้าของมังกร ซึ่งถูกประเมินให้เป็นทรัพย์สินที่มีค่าสูงสุดในเรื่อง เธอครอบครองปราสาทคาสเตอร์ลีร็อก ของตระกูลแลนนิสเตอร์ เธอครองอ่าวค้าทาส เธอมีกองกำลังขนาดใหญ่ และเธอยังมีปราสาทดราก้อนสโตนที่ตั้งอยู่บนหินที่มีค่าอย่างผลึกแก้วมังกร

6.ภาคต่อยังไม่มี แต่ภาคก่อนมาแน่ : ทั้งแฟน ๆ ผู้สร้าง ผู้เขียนบท ทีมงาน หรือแม้แต่ลุงจอร์จเองก็บอกว่าใจหายที่ GOT ต้องจบลง และเขาอยากให้มีภาคต่ออีกสักหน่อย แต่ ณ ตอนนี้ทีมผู้สร้าง ผู้เขียนบทต่างรู้กันชัดเจนว่าจะไม่มีภาคต่อเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แน่ แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่หน่อยคือ จะมี prequel หรือภาคก่อนของ GOT ออกมาแน่ ๆ ซึ่งตามข่าวของ The Sun บอกว่าตอนนี้ซีรีส์เรื่องนี้เริ่มถ่ายทำแล้วในไอร์แลนด์เหนือ ใช้ชื่อเรื่องว่า Bloodmoon และคาดว่าจะออกอากาศอย่างเร็วที่สุดในปี 2020

HBO บอกว่า เรื่องราวในซีรีส์ภาคก่อนจะย้อนไปหลายพันปีก่อนเรื่องราวใน GOT โดยจะเผยความลับต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์เวสเทอรอส ขณะที่จอร์จ มาร์ติน บอกว่าจะไม่มีตัวละครในยุค GOT ในเรื่องเลย แต่จะเป็นเรื่องราวของบรรพบุรุษล้วน ๆ สถานที่ถ่ายทำก็จะใช้สถานที่ใหม่ เพราะว่าเวสเทอรอสเมื่อหลายพันปีก่อนปีก่อนหน้านั้นแตกต่างจากเวสเทอรอสในยุค GOT อย่างสิ้นเชิง