Stranger Things ฟีเวอร์ ทำลายสิถิติได้ใจแฟนซีรีส์ทั่วโลก

นาทีนี้คงไม่มีคอซีรีส์คนไหนไม่รู้จัก Stranger Things (สเตรนเจอร์ ธิงส์) ซีรีส์แนวไซไฟ-ทริลเลอร์ที่สร้างสถิติใหม่ให้กับ Netflix ไปแล้ว เพราะหลังจากซีซั่นที่ 3 เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เพียง 4 วันก็มียอดผู้ชมมากถึง 40.7 ล้านแอ็กเคานต์ แซงหน้าสถิติก่อนหน้าอย่างซีรีส์ The Umbrella Academy (ดิ อัมเบรลลา อะคาเดมี) ที่มียอดผู้เข้าชม 80 ล้านแอ็กเคานต์ภายในหนึ่งเดือน

นอกจากนั้น ทวิตเตอร์ Netflix US ยังเปิดเผยด้วยว่า หากนับเฉพาะผู้ที่รับชมจนจบซีซั่นครบทั้ง 8 ตอนภายใน 4 วัน ก็ยังมีมากถึง 18.2 ล้านแอ็กเคานต์ นับเป็นการการันตีความร้อนแรงของซีรีส์ครบรสเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

Stranger Things ได้รับกระแสตอบรับถล่มทลายตั้งแต่ซีซั่นแรก จากพลอตและการเดินเรื่องว่าด้วยประเด็น “upside down” หรือโลกคู่ขนาน ไปจนถึงการดึงสิ่งมีชีวิตต่างมิติมาสู่โลกมนุษย์ โดยเป็นความพยายามที่วางอยู่บนเส้นเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น

นอกจากพลอตที่ชวนติดตามแล้ว เสน่ห์ของ Stranger Things อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ มู้ดแอนด์โทนที่ถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศยุค 1980s แบบจัดเต็มตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอสตูม ดนตรีประกอบ ลำดับภาพ สถานที่ ทั้งหมดเป็นมวลรวมที่เมื่อประกอบเข้ากับการขับเคี่ยวดำเนินเรื่องที่เข้มข้นแล้ว ก็ส่งให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความสมจริง-น่าติดตามมากขึ้นไปอีก

ไม่ใช่เพียงพลอตที่ดีงามเท่านั้น แต่ตัวละครหลักอย่างแก๊งเด็กเนิร์ดบ้าวิทยาศาสตร์ ทั้งไมค์, วิล, ลูคัส และดัสติน ที่ในซีซั่นนี้ได้รับการพูดถึงเพิ่มขึ้น จากแคแร็กเตอร์น่ารักน่าเอ็นดูเฉพาะตัวของเขา และการถูกจับคู่ให้มาอยู่กับสตีฟ บวกกับตัวละครใหม่อย่างโรบินและเอริกา น้องสาวสุดแสบของลูคัส ที่แจ้งเกิดสุด ๆ ในซีซั่นนี้กับบทสุดกวนโอ๊ย ไม่ว่าจะออกมาฉากไหนก็แย่งซีนเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด

ส่วนสาวน้อยพลังจิต “อีเลฟเว่น” หรือแอล ที่โด่งดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ซีซั่นแรก ครั้งนี้เธอกลับมาในลุกที่เป็นสาวสะพรั่งมากขึ้น พร้อมบทที่ค่อนไปทาง coming of age พาร์ตแอ็กชั่น-ผจญภัย

ยังมีให้เห็นตามเดิม แต่ความดราม่าที่เพิ่มเข้ามาทำให้องค์ประกอบในซีซั่นนี้ดูจะกลม และมีมิติมากขึ้นด้วย

ความสำเร็จของ Stranger Things ถูกต่อยอดสู่ซีซั่นที่สองและซีซั่นที่สาม จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ “Stranger Things ฟีเวอร์” หลายแบรนด์ดังระดับโลกพาเหรดกันออกคอลเล็กชั่นสินค้าอิงกระแส ก่อน Stranger Things 3 เปิดตัวทาง Netflix ไม่ว่าจะเป็น

แบรนด์เสื้อผ้าและสนีกเกอร์อันดับ 1 ของโลกอย่าง Nike ที่หยิบสินค้ารุ่นดังของทางแบรนด์จากยุค 80s อย่าง Cortez, Blazer และ Tailwind วางจำหน่ายอีกครั้งในนาม “Stranger Things Collection” และล่าสุดกับแพ็กลับสุดท้ายที่มีดีไซน์อิงคอนเซ็ปต์ตามซีรีส์กับโลก upside down ในตัวรองเท้ามากขึ้น แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง H&M, PULL&BEAR, Levi’s ก็ออกคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าที่อิงสีสัน และแพตเทิร์นจากแคแร็กเตอร์ตัวละครในซีรีส์ออกมาวางขายรับกระแสนี้เช่นกัน

ถัดมาที่แบรนด์ของเล่นสุดคลาสสิก Lego ผลิตชุดของเล่นคอลเล็กชั่นพิเศษ “The Upside Down” สามารถต่อให้หมุนกลับบนล่างได้ตามคอนเซ็ปต์ของซีรีส์, Polaroid เปิดตัวกล้องรุ่นพิเศษมีรายละเอียดกลับหัวกลับหางทั้งเลนส์ และแฟลช, Coke นำดีไซน์กระป๋องในปี 1985 กลับมาวางจำหน่ายใหม่อีกครั้ง ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 5 แสนกระป๋อง ภายใต้โปรเจ็กต์ Coke x Stranger Things รวมถึงเบอร์เกอร์เจ้าดัง Burger King ก็เล่นง่าย ๆ ด้วยการจับเบอร์เกอร์ “Whopper” รุ่นซิกเนเจอร์มาคว่ำหน้า กลับหัวลงอิงตามคอนเซ็ปต์ซีรีส์ กลายเป็น “Upside Down Whopper” ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะบางสาขาในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น


แว่วมาว่า Stranger Things จะจบลงที่ซีซั่น 4 เป็นซีซั่นสุดท้าย แฟนซีรีส์เรื่องนี้คงต้องรอติดตามอย่างใจจดใจจ่อว่า Netflix จะออกมาคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ เพราะแม้จะเดินทางไกลมากว่าสามซีซั่นแล้ว แต่ความสนุก ปมปัญหา และดีเทลของแต่ละตัวละครกลับเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ความนิยมและฐานแฟนคลับของซีรีส์เรื่องนี้เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว


หลังจากซีรีส์เรื่องแรก ๆ ของ Netflix อย่าง House of Cards ที่ปูทางความสำเร็จให้กับสตรีมมิ่งชื่อดังแห่งนี้แล้ว ก็คงจะเป็น Stranger Things นี่แหละ ที่เรียกคะแนนความนิยม และทำให้ Netflix กลายเป็นแอ็กเคานต์สตรีมมิ่งที่ทุกคนต้องมี