
เป็นเวลากว่า 42 ปีแล้ว นับตั้งแต่ “Star Wars: Episode IV – A New Hope” ผลงานการเขียนบทและกำกับโดยจอร์จ ลูคัส (George Lucas) เข้าฉายเมื่อปี 1977 แล้วสร้างปรากฎการณ์ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มาจนถึงตอนนี้ สตาร์ วอร์สมีภาพยนตร์หลัก 9 เรื่อง มีภาคแยกอีก 2 เรื่อง ล่าสุดคือ “Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker” (ภาค 9) ซึ่งเป็นสรุปเรื่องราวมหากาพย์ตระกูลสกายวอล์กเกอร์ (Skywalker) ที่เพิ่งเข้าฉายเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา
หลังจากเข้าฉาย เสียงตอบรับทั้งในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องดังไม่ได้เป็นไปตามที่ทางดิสนีย์และแฟน ๆ คาดหวังเอาไว้นัก คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้าขนาดภาพยนตร์ที่เป็นบทสรุปของมหากาพย์สกายวอล์กเกอร์ที่มีมาอย่างยาวนานยังไม่เป็นไปตามเป้า แล้วภาพยนตร์สตาร์วอร์สเรื่องต่อ ๆ ไปจะเป็นอย่างไร
จากคำถามนี้ มีบทความที่น่าสนใจในเว็บไซต์ Hollywood Reporter เรื่อง “Should Disney Enlist George Lucas for the Next Star Wars Stories?” (หรือดิสนีย์ควรจะให้จอร์ส ลูคัสกลับมาดูแลสตาร์วอร์ส) เขียนโดยอีริค เฮย์เดน (Erik Hayden) ที่ชวนคิดถึงอนาคตของภาพยนตร์เรื่องนี้
- เปิดวิธีลงทะเบียน เลือกตั้งล่วงหน้า 2566 มีขั้นตอนอย่างไร ?
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- ประกันสังคม ม.33-39-40 ผู้ประกันตนแต่ละประเภท มีสิทธิต่างกันอย่างไร?
ในบทความระบุว่า หลังจากที่มีการซื้อขายลูคัสฟิล์มในปี 2012 ก็ได้มีการแต่งตั้งแคธลีน เคนเนดี (Kathleen Kennedy) ขึ้นมาเป็นประธานของลูคัสฟิล์ม และเลือกเจ.เจ. อับรามส์ (J.J. Abrams) ขึ้นมาเป็นผู้กำกับ และได้มีการพูดคุยถึงทิศทางของภาพยนตร์สตาร์วอร์สเรื่องต่อไป (ตอนนั้นมีแค่ 6 ภาคหลัก)
บ๊อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) ซีอีโอของดิสนีย์บอกว่า “จอร์จหัวเสียมากที่รู้ว่าจะไม่มีการใช้บทของเขาในไตรภาคสุดท้าย ถึงแม้จอร์จจะรู้ว่าเขาไม่มีพันธะใด ๆ กับลูคัสฟิล์มแล้ว แต่เขาก็คิดว่าเราจะยังคงใช้บทที่เขาร่างไว้”
ตลอดช่วงเวลา 7 ปีที่ลูคัสฟิล์มอยู่ภายใต้การดำเนินงานของดิสนีย์ มีภาพยนตร์ชุดสตาร์วอร์สทั้งหมด 5 เรื่อง กวาดรายได้ไปทั้งหมด 5.3 ล้านเหรียญฯ จนถึงตอนนี้ เรื่องราวของสตาร์วอร์สทั้ง 9 ภาค เป็นการเล่าเรื่องราวของตระกูลสกายวอล์กเกอร์แทบจะทั้งสิ้น อย่างในไตรภาคที่สองก็เป็นการเล่าย้อนถึงที่มาที่ไปว่าเหตุใดอนาคิน สกายวอล์กเกอร์ (Anakin Skywalker) ถึงกลายมาเป็นตัวร้ายอย่างดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) ได้ หรือแม้กระทั่งในไตรภาคล่าสุดก็ได้เห็นการกลับมาของนักแสดงนำในไตรภาคแรกอย่างมาร์ก แฮมิลล์ (Mark Hamill), แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) และแครีย์ ฟิชเชอร์ (Carrie Fisher) ที่ยังคงเวียนวนอยู่กับเรื่องราวของตระกูลสกายวอล์กเกอร์
แต่หลังจากนี้ จะไม่มีเรื่องราวของสกายวอล์กเกอร์ หรือไม่มีนักแสดงในตำนานอย่างแฮมิลล์ นักแสดงนำในไตรภาคใหม่อย่างเดซี ริดลีย์ (Daisy Ridley) หรือแม้กระทั่งตัวหุ่นยนต์ที่เป็นที่รู้จักอย่างซี-ทรีพีโอแล้ว เรื่องราวจะไปอยู่ในช่วงไหน จะเล่าย้อนกลับ หรือจะดำเนินเรื่องไปข้างหน้า
ดิสนีย์และลูคัสฟิล์มจำเป็นที่จะต้องหาจุดสนใจใหม่ เพราะในปี 2018 แม้จะปล่อยภาคแยกที่เล่าเรื่องราวของตัวละครหลักอย่างฮาน โซโล (Han Solo) ในภาพยนตร์เรื่อง “Solo: A Star Wars Story” ออกมา แต่ก็ทำรายได้ทั่วโลกไปเพียงแค่ 392 ล้านเหรียญฯเท่านั้น
เมื่อไม่มีตัวละคร นักแสดง หรือบทที่คุ้นเคย ดิสนีย์และลูคัสฟิล์มควรจะดึงจอร์จ ลูคัสกลับมาหรือไม่ หรืออย่างน้อยอาจจะใช้ชื่อของเขาเพื่อการตลาด หรือแม้กระทั่งการให้เขากลับมาดูแลภาพรวมของสตาร์วอร์สอีกครั้ง อย่างที่เขาเคยทำมาก่อนการมาถึงของดิสนีย์
ในความเป็นจริง โอกาสที่ลูคัสจะมีส่วนในภาพยนตร์สตาร์วอร์สภาคต่อ ๆ ไปนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เห็นได้ตั้งแต่ข่าวการวิจารณ์ The Force Awaken (ภาค 7) และการไม่ออกความเห็นใด ๆ ในภาคต่อ ๆ มา รวมถึงการโฟกัสความสนใจของตัวเองไปที่การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และเพื่อการศึกษาในพิพิธภัณฑ์ที่ลอสแอนเจลิส
แต่ถึงอย่างนั้น ไอเกอร์ก็เคยกล่าวไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้วว่า สตาร์วอร์สก็ยังมีตัวละครหลักมากกว่า 17,000 ตัว ในหลายพันดวงดาว และช่วงเวลากว่า 20,000 ปี ทำให้ดิสนีย์แทบจะไร้ข้อจำกัดในการจินตนาการ และสร้างแรงบันดาลใจในการเล่าเรื่องราวในอนาคต